ASTV ผู้จัดการรายวัน - ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014 เพิ่งเปิดฉากโม่แข้งกันในฤดูกาลนี้ มีนักเตะหลายคนที่ได้รับจับตามองเป็นอย่างมากว่าจะสามารถระเบิดฟอร์มช่วยต้นสังกัดให้มีอันดับก้าวขึ้นไปชูถ้วยแชมป์ได้ในช่วงท้ายฤดูกาล อย่างไรก็ตามใครจะคาดคิดว่าชื่อของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย กองหน้ากัปตันทีมของ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่เงียบหายไปพักใหญ่ๆ จะผงาดขึ้นมายึดหน้าสื่อทุกฉบับด้วยการทำผลงานช่วงต้นฤดูกาลได้อย่างน่าประทับใจ จากลงสนามในลีก 5 นัดซัดไป 5 ประตู
แม้ว่าชื่อของ “ลีซอ” จะคุ้นหูแฟนฟุตบอลชาวไทยมานาน ด้วยการเป็นดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก ติดทีมชาติมาแทบทุกรุ่นอายุ พร้อมทั้งเคยเป็นนักเตะในศูนย์ฝึกเยาวชนของทีม คริสตัล พาเลซ และ เอฟเวอร์ตัน สองทีมดังในเกาะอังกฤษอีกด้วย ประตูที่ทำให้เขาโด่งดังสุดขีดในยามลงสนามติดตรา “ช้างศึก” บนอกเสื้อ คือ เกมยิงทีมชาติญี่ปุ่น ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ปี 2010 ซึ่งอยู่วัยเพียง 23 ปี เท่านั้น
ทำให้ชีวิตของ อดีตนักเตะเยาวชน คริสตัล พาเลซ หลังจากนั้นถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ว่าจะเป็นความหวังในการพาทีมชาติไทยก้าวไปลุย ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ได้สักครั้ง อย่างไรก็ตามฟอร์มการทำประตูของดาวเตะรายนี้กลับไม่สม่ำเสมอ จนต้องย้ายสโมสรไปกว่า 6 ทีม โดยหนึ่งในนั้นคือ เค ลีร์เซ ทีมในลีกรองของเบลเยียม ที่เคยดึงตัวเขาไปค้าแข้งด้วยเช่นกัน แต่ก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เขาได้ลงสนามเพียง 6 นัด และยิงไป 1 ประตู
หลังจากนั้นดาวเตะชื่อดังกลับมาค้าแข้งที่เมืองไทยอีกครั้ง แต่ฟอร์มการเล่นยังไม่โดดเด่นอย่างที่ควร ทำให้ต้องหลุดโผทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ในทัวร์นาเมนต์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ช่วงที่ทีมช้างศึกกุมบังเหียนโดย วินฟรีด เชเฟอร์ นายใหญ่สัญชาติเยอรมัน ซึ่งประโยคเด็ดที่ขึ้นหน้าสื่อทุกฉบับในช่วงนั้นของ ธีรเทพ วิโนทัย ก็คือ “ชีวิตผมก็ไม่ได้จบสิ้นเพราะไม่ติดทีมชาติ”
อย่างไรก็ตามในศึก ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุด ชื่อของเขาก็กลับมาผงาดอีกครั้งอีกครั้ง ด้วยฟอร์มการเล่นอันดุเดือดยิงไป 5 ประตูจากการลงสนาม 5 นัดใน ไทยลีก และมีลูกที่แฟนฟุตบอลต้องจดจำคือ นัดที่ บางกอกกล๊าส เอฟซี บุกไปชนะ ฉะเชิงเทรา เอฟซี 6-0 ศึกโตโยต้า ลีก คัพ 2014 รอบ 64 ทีม ที่แข้งวัย 29 ปี ยิงฟรีคิกเลียนแบบ คริสเตียโน โรนัลโด แข้งตัวเก่งทีมชาติโปรตุเกสซึ่งเป็นไอดอลในการดำเนินชีวิตของเขา เข้าประตูไปอย่างสวยงาม
เมื่อถามถึงเคล็ดลับที่ปีนี้กลับมาโชว์ฟอร์มได้เอกอุเหลือเกิน ดาวเตะซูเปอร์สตาร์เมืองไทยเผยว่า “ผมแค่ฝึกซ้อมหนักมากกว่าเดิม โดยเฉพาะช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ซ้อมหนักมาก และในแต่ละวันต้องกลับมาคิด และพยายามหาข้อบกพร่องของตนเองอยู่เสมอ เมื่อเห็นอะไรที่ผิดพลาดต้องแก้ไขทันที ผมคิดว่าชีวิตของนักฟุตบอลทุกคนก็มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ ในฤดูกาลที่แล้วมาอาจจะไม่หวือหวามากนัก เราก็แค่ต้องกลับมาเตรียมตัวให้มากกว่าเดิมเท่านั้น”
โดย “หนุ่มซอ” ยืดอกยอมรับว่าฟอร์มฤดูกาลที่ผ่านมาไม่น่าพอใจนัก “ปัญหานี้ผมไม่โทษใคร ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราเอง ซึ่งเชื่อว่าทุกชีวิตล้วนต้องมีปัญหา ก่อนหน้านี้ผมจะมีปัญหาอยู่ที่การฝึกซ้อม ที่เมื่อพยายามซ้อมไปเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่าทำไมเมื่อวานเราทำได้ แต่วันนี้เราทำไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ได้ท้อ พยายามไปเรื่อยๆ และสร้างความมั่นใจให้ตัวเองว่าเราก็ต้องทำได้”
นอกจากนี้ดาวเตะ “บีจี” ผู้ประกาศตัวเป็นสาวก “ปิศาจแดง” อย่างไม่สะทกสะท้าน ยืนยันว่าตนเองเป็นคนมีความมั่นใจสูง แม้ในช่วงที่ฟอร์มการเล่นตกต่ำสุดขีดในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำได้เพียง 7 ประตูจากทุกรายการที่ลงเล่น แต่กลับไม่เคยรู้สึกท้อทอยถอดใจกับฟอร์มออกทะเลของตัวเอง “ผมไม่เคยท้อ ฟุตบอลคือความมุ่งมั่น ซึ่งความมุ่งมั่นก็ต้องมาจากความขยัน ทั้งการฝึกซ้อมและดูแลร่างกาย ผมไม่เคยกลัวการซ้อมหนัก บ่อยครั้งที่จะซ้อมยิงฟรีคิกวันละกว่า 100 ลูก ซึ่งช่วยได้มากในการเล่นลูกตั้งเตะในปัจจุบัน”
ส่วนหนึ่งที่มีผลต่อการพัฒนาฟอร์มการเล่นเมื่อลงสู่สนามของแข้งวัย 29 ปี รายนี้อยู่ที่การจัดวางหมากของ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม กุนซือทีม “กระต่ายแก้ว” ซึ่งกล่าวถึงการใช้งาน “ลีซอ” ให้ถูกตำแหน่งว่า “เขาเป็นผู้เล่นที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความมุ่งมั่น ความสมบูรณ์ของร่างกาย หลังจากปรับแต่งจากตำแหน่งการยืน และการหาที่ว่าง ทำให้ ลีซอ กลายเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ในการทำเกมรุก อีกทั้งปีนี้เราได้นักเตะอย่าง ดาร์โก ทาร์เชฟสกี มาช่วยประสานงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการระเบิดฟอร์มการเล่นในปัจจุบัน”
ขณะเดียวกันอดีตเด็กฝึกหัดของทีม “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” ตั้งเป้าจะทำประตูให้ได้ถึง 15 ประตูเพื่อมีโอกาสติด 1 ใน 3 ผู้เล่นโควตา อายุเกิน 23 ปี ให้กับทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ ที่อินชอน เกาหลีใต้ ปีนี้ “ผมพร้อมทำหน้าที่ในทุกตำแหน่ง แม้ว่าแท้จริงแล้วอยากเล่นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ทว่าหากต้องถ่างออกริมเส้นแล้วทำผลงานได้ดีก็ไม่มีปัญหา โดยเป้าหมายปีนี้ขอทำประตูให้ได้ถึง 15 ประตู ซึ่งหากทำได้ตามนี้โอกาสไปเอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ก็เปิดกว้างขึ้นมาอีก ผมยังอยากรับใช้ทีมชาติอยู่เสมอหากว่าโค้ชต้องการ”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *