สตีเวน เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตัน ลิเวอร์พูล ลุ้นขึ้นแท่น “มือปืน” ลั่นสกอร์สูงสุดประจำถิ่น แอนฟิลด์ โดยเหลืออีกเพียงแค่ 6 ประตูก็จะแซงห้องเครื่องรุ่นพี่อย่าง แจน โมลบีย์ ที่ทำไว้ 42 ลูก หลังเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาสวมบทเพชฌฆาตช่วงทดเวลาบาดเจ็บพา “หงส์แดง” บุกชนะ ฟูแลม 3-2 ศึก พรีเมียร์ ลีก ตามด้วยถ้วย เอฟเอ คัพ รอบ 5 ที่ไปพ่าย อาร์เซนอล 1-2 “โกลดอทคอม” จึงถือโอกาสรวบรวมจอมยิงสุดแสนเยือกเย็นจากระยะ 12 หลามาฝากกัน
เอริค คันโตนา - ตำนานเบอร์ 7 ผู้ทรงอิทธิพลของ แมนฯยู พลาดจากระยะ 12 หลาแค่ 2 จาก 16 ครั้งที่รับหน้าที่ “มือปืน” โดยหนึ่งในนั้นคือการชิปข้ามคาน ไฮไลท์สำคัญคือการยิง 2 จุดโทษนัดชิง เอฟเอ คัพ 1994 ที่เอาชนะ เชลซี 4-0 นอกจากนี้ยังยิงตีเสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 เกมลีกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังกลับจากการพ้นโทษแบนยาวเมื่อปี 1995 แสดงให้เห็นว่าความกดดันทำอะไรชายผู้นี้ไม่ได้เลย
อลัน เชียเรอร์ - เห็นกันจนชินตากับท่าดีใจที่ชูมือและวิ่งไปทั่วสนามหลังยิงประตูได้ของ เชียเรอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งจุดโทษ ที่หอกทีมชาติอังกฤษรายนี้มักอาศัยความแรงตะบันเต็มข้อตาข่ายแทบกระจุย โดยยิงได้มากกว่า 400 ลูกกับการเล่นให้ เซาแธมป์ตัน, แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่ภายใต้สีเสื้อ “ขาว-ดำ” เขาซัดจุดโทษไปได้ถล่มถลายถึง 45 ลูกเลยทีเดียว
มาริโอ บาโลเตลลี - สีหน้าเยือกเย็นยามย่าง 3 ขุมเข้าไปยิงจุดโทษ ทำให้ผู้รักษาประตูเดาทางได้ค่อนข้างลำบาก บาโลเตลลี มีสถิติยอดเยี่ยมยิงเข้าทั้งหมด 26 ครั้งไม่ว่าจะเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน หรือว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี จนกระทั่งมาพลาดในเกม กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ภายใต้การเล่นให้ เอซี มิลาน ที่พบกับ นาโปลี ต้นสังกัดจึงพ่ายไป 1-2 อย่างไรก็ตามยังคงเป็นเพชฌฆาตที่ไว้ใจได้เสมอ
โฮเซ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต - มีไม่มากนักหรอกในโลกฟุตบอลที่ผู้รักษาประตูจะรับหน้าที่ "มือสังหาร" ประจำทีม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ชิลาเวิร์ต ที่ฝึกซ้อมเสมอจนเพื่อนๆ ในทีมชาติและต้นสังกัดไว้วางใจ โดยสถิติเหลือเชื่อคือซัดแฮตทริกจากจุดโทษเกม เวเลซ ซาร์สฟิลด์ เอาชนะ เฟร์โร คาร์ริล โอเอสเต เมื่อปี 1999 นอกจากนี้ “เอล บลูด็อก” ยังมีทีเด็ดจากการเติมขึ้นมายิงฟรีคิกตุงตาข่ายมานักต่อนักแล้วด้วย
อันเดรีย ปิร์โล - เพลย์เมกเกอร์ระดับแถวหน้าของโลกที่ถือว่าฉมังสุดคนหนึ่งกับการยิงจุดโทษและฟรีคิก กองกลางที่ปัจจุบันวัย 34 ปีแล้วยังคงความยอดเยี่ยมไม่เสื่อมคลาย จนได้รับการยกย่องว่าเป็นระดับ “มาสเตอร์คลาส” อย่างแท้จริง ไฮไลต์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ก็คือศึก ยูโร 2012 ที่ชิปอย่างเหนือชั้นผ่านมือ โจ ฮาร์ท ช่วยให้ อิตาลี ชนะดวลเป้า 4-2 หลังเสมอกันในเวลา 0-0 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
อเลสซานโดร เดล ปิเอโร - “น้าเดล” ปัจจุบันวัย 39 ปีแล้ว แต่ยังเล่นให้กับ ซิดนีย์ เอฟซี โดยรับหน้าที่ยิงจุดโทษให้กับ ยูเวนตุส 19 ครั้ง ส่วนตัวถือเป็นนักเตะที่มีทักษะและเทคนิคค่อนข้างสูงทำให้การวางเท้ารับหน้าที่เพชฌฆาตนั้นไม่ค่อยพลาดเป้า โดยนัดชิงฟุตบอลโลกปี 2006 ที่กดดันมหาศาลเอาชนะ ฝรั่งเศส ก็เป็นหนึ่งในคนที่ประสาทแข็งที่สุดซัดพาทีมเอาชนะ 5-3 หลังจากในเวลาเสมอกัน 1-1
แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ - นักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “พ่อมด” ของ เซาแธมป์ตัน พลาดจุดโทษเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจากตลอดระยะเวลา 16 ปีที่รับใช้ “เดอะ เซนต์ส” โดยสถิติสุดเหลือเชื่อก็คือเข้าประตู 48 ครั้งจากทั้งหมด 49 โอกาสที่ได้รับ รวมอยู่ใน 161 ประตูที่ยิงให้กับต้นสังกัดแดนใต้ไม่ว่าจะจากยิงไกลรวมถึงฟรีคิกที่ฉมังไม่แพ้กัน ทว่ากับทีมชาติอังกฤษติดธง 8 นัดยิงไม่ได้เลย
มิชาเอล บัลลัค - นักเตะเยอรมนีขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องหัวจิตหัวใจและความแน่นอนในการยิงจุดโทษ รวมถึง บัลลัค ที่มีความสมดุลตามธรรมชาติค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นพลังและความแม่นยำเรียกได้ว่าสั่งได้เลยทีเดียว เคยมีช่วงที่เล่นให้ เชลซี และ แฟรงค์ แลมพาร์ด เริ่มความมั่นใจถดถอย เขาก็ยิงได้ รวมถึงนัดชิง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2008 สกอร์ 5-6 หลังเสมอกัน 1-1
ซีเนอดีน ซีดาน - สำหรับการยิงจุดโทษคนนี้เชื่อขนมกินได้เลย โดยเฉพาะนัดชิงฟุตบอลโลก 2006 ที่ ฝรั่งเศส เผชิญหน้ากับ อิตาลี ในเวลาก็ชิปอย่างเหนือชั้นเช็ดใต้คานผ่านมือ จานลุยจิ บุฟฟอน เข้าประตูไป น้อยคนนักที่จะกล้ายิงภายใต้สภาพความกดดันเช่นนั้น ซึ่งลูกนี้ยังได้รับการยกย่องว่ามีจินตนาการเหนือชั้นมาก อย่างไรก็ตามถูกไล่ออกเนื่องจากไปเฮดบัตต์ใส่ มาร์โก มาเตรัซซี กองหลังคู่แข่ง
โยฮัน ครัฟฟ์ - เทียบทั้งหมดกับ 9 คนข้างต้นถือว่าเป็นระดับอาวุโสมากที่สุด "ดัตช์แมน" รายนี้มีทักษะที่เรียกได้ว่าระดับพรสวรรค์ไม่ใช่แค่โลดแล่นในสนาม แต่รวมถึงการยิงจุดโทษด้วย โดยต้องย้อนไปดูเมื่อปี 1982 ที่เล่นให้กับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม เพราะว่าเจ้าตัวเลือกที่จะเขี่ยให้กับ เจสเปอร์ โอลเซน เพื่อนร่วมค่ายก่อนที่จะตบคืนมาให้แปเข้าประตูโล่งๆ เรียกได้ว่างงกันไปทั้งสนาม จน เธียร์รี อองรี กับ โรแบร์ ปิแรส นำมาเลียนแบบตอนเล่นให้ อาร์เซนอล