เอเยนซี - ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก กลับมาโม่แข้งรอบน็อกเอาต์ หรือ 16 ทีมสุดท้าย วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ เสิร์ฟด้วยโปรแกรมหนักระดับ 5 ดาว แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่ฤดูกาลนี้เกมรุกน่าประหวั่นพรั่นพรึงจะต้องประชันกับต้นตำรับอย่าง บาร์เซโลนา ที่ศักยภาพคับแก้วและประสบการณ์เต็มเปี่ยม ซึ่งแม้จะเป็นนัดแรกชิมลางกันก่อนที่ เอติฮัด สเตเดียม แต่น่าสนใจไม่น้อยว่าผลจะออกหน้าไหน “เดลี เมล” สื่ออังกฤษ จึงไม่พลาดที่จะวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของทั้งคู่ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญมาฝากกันดังนี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี (อังกฤษ)
แนวรุกยวบ - แม้ฤดูกาลนี้จะยิงรวมทุกรายการทะลุ 100 ประตู แต่หลังเกม พรีเมียร์ ลีก บุกถล่ม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 5-1 ที่มี เซร์คิโอ อกูเอโร กองหน้าอาร์เจนไตน์ลงสนาม จากนั้นก็แพ้ เชลซี 0-1 และเสมอ นอริช ซิตี 0-0 แสดงถึงประสิทธิภาพที่ลดลงไปเมื่อขาด “กุน” ก่อนจะคืนฟอร์ม เอฟเอ คัพ รอบ 5 เปิดบ้านอัด เชลซี 2-0 สเตฟาน โยเวติช ยิงได้ แต่ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อลบเครื่องหมายคำถาม ด้าน เอดิน เซโก ยังไม่สม่ำเสมอ ทำให้ อัลบาโร เนเกรโด ที่หายเจ็บแขนอาจจะออกสตาร์ทพบ บาร์เซโลนา ขณะที่ทีมเยือนมีตัวเลือกมากกว่า ลิโอเนล เมสซี ทั้งยิงและจ่ายเกม ลา ลีกา สเปน เปิดบ้านถล่ม ราโย บาเยกาโน 6-0 เนย์มาร์ ก็หายเจ็บลงมาเป็นตัวสำรองและยิงประตูสุดสวย นอกจากนี้ยังมี เปโดร โรดริเกวซ กับ อเล็กซิส ซานเชซ ที่มีพลังขับเคลื่อนไม่น้อย
ประสบการณ์ใครว่าไม่สำคัญ - บาร์เซโลนา คือทหารผ่านศึกผู้ช่ำชองสงครามยุโรปดีกรีแชมป์ 4 สมัยได้ 3 จาก 8 ปีหลังสุด แต่เมื่อมองไลน์-อัพของ แมนฯซิตี มีเพียง ยายา ตูเร ที่เคยคว้าแชมป์ใบนี้กับ บาร์ซา ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” 2 ปีหลังสุดตกรอบแบ่งกลุ่ม ดังนั้นยากจะจินตนาการว่าลงสนามไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเกมนี้ทีมเยือนคงไม่ส่ง เนย์มาร์ ที่ไร้ประสบการณ์ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ซึ่ง เมสซี คนเดียวก็น่าจะปั่นป่วนได้เพียงพอที่จะทำให้สมาธิของแข้งเจ้าถิ่นมุ่งที่จะหยุดเขาเพียงคนเดียว จนไปเปิดพื้นที่ให้กับแข้งรายอื่น ถือเป็นสิ่งที่หลายทีมเคยโดนลงโทษมาแล้ว
เกมรับ - ในลีก แมนฯซิตี เสียประตูมากกว่า อาร์เซนอล และ เชลซี จากต้นฤดูกาลที่ โจ ฮาร์ท มือกาวกับแผงแบ็กโฟร์ สื่อสารผิดพลาด ซึ่งตั้งแต่เปิดศักราชปี 2014 ก็มีจังหวะเสียแบบไม่น่าเสียในเกมที่เจอกับคู่ต่อสู้อ่อนชั้นกว่าอย่าง สวอนซี ซิตี, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี และ วัตฟอร์ด ซิตี มาเตยา นาสตาซิช บาดเจ็บ แวงซองต์ กอมปานี เลยไร้คู่ขาเซนเตอร์ที่รู้ใจ ด้าน โจลีออน เลสคอตต์ เล่นได้ดีขึ้นเกมกับ เชลซี แต่การดวลกับ ซามูเอล เอโต วัย 32 ปีวัดอะไรไม่ได้ ดังนั้นแบ็กกับกองกลางตัวรับต้องทำงานหนักเรียกได้ว่าเป็นเกมแห่งชีวิตเลยก็ว่าได้เพื่อหยุด เมสซี ให้คายพิษสงน้อยที่สุด
บาร์เซโลนา (สเปน)
ปัญหาด้านข้าง - หนึ่งในจุดแข็งที่สุดของ บาร์เซโลนา ก็คือเกมรุก แต่ก็ทำให้เกิดจุดอ่อนที่สุดคือการ “ป้องกัน” เพราะ จอร์ดี อัลบา กับ ดานี อัลเวส 2 ฟูลแบ็ก ดันสูงเกินไป ซึ่งก็เพิ่มความเสี่ยงหลังบ้าน เห็นได้ชัดจากเกมแพ้คาถิ่น คัมป์ นู นัดแรกของฤดูกาลให้แก่ บาเลนเซีย 2-3 โซเฟียเน เฟกูลี แบ็กซ้ายทีมเยือน เติมมาปั้นเกมได้ 2 ลูกและทำให้อดีตแข้ง “เจ้าค้างคาว” โดนไล่ออก ถ้าแก้จุดนี้ไม่ตกเจอกับตัวริมเส้นที่น่ากลัวของ แมนฯซิตี นำโดย ดาบิด ซิลบา, ซาเมียร์ นาสรี และ เฆซุส นาบาส ดังนั้นอาจจะเป็นจุดที่ตัดสินชี้ขาดผลการแข่งขันเกมนี้ก็ได้
แดนกลางลดประสิทธิภาพ - เหตุที่ บาร์เซโลนา ยึดหัวหาดยุโรปหลายปีก่อนหน้านี้ กองกลางถือเป็นหัวใจสำคัญทุกคนเต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่ทุกอย่างไม่ได้เพิ่มขึ้นกลับลดลง หลังความอดสูแพ้ บาเยิร์น มิวนิค รวม 2 นัด 0-7 ตกรอบรองชนะเลิศปีที่แล้ว เพราะ “เสือใต้” มีความเร็วและพลังกำลังที่มากกว่าอย่างชัดเจน ชาบี เอร์นานเดซ เล่นนัดที่ 700 ไปเมื่อเดือนมกราคม เคราร์โด มาร์ติโน พักเขาเกมที่เปิดบ้านถล่ม บาเยกาโน 6-0 แสดงว่ามีเปอร์เซนต์ลงพบ แมนฯซิตี แต่ปัญหาคือแรงปะทะสู้ ยายา ตูเร ที่มี ฆาบี การ์เซีย คอยเสริมงานไม่ได้
เกมรับ - นัดพบ บาเยกาโน มีจังหวะ เมสซี เสียบอลขณะที่ผู้เล่นคนอื่นเติมขึ้นมา ให้คู่ต่อสู้สวนกลับได้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว ถ้าเป็น แมนฯซิตี ที่มีตัวโต้อันตรายถือว่าน่ากลัวมาก ด่านสุดท้ายอย่าง เคราร์ด ปิเก กับ ฮาเวียร์ มาสเชราโน จึงต้องรับบทหนักในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งต่างต้องภาวนาให้ อกูเอโร หอก แมนฯซิตี ฟิตไม่พอที่จะลงเล่นเกมนี้ ขณะที่ คาร์เลส ปูโยล เล่นได้น่าประทับใจเกมล่าสุด แต่ถูกเปลี่ยนออกก่อนหมดเวลา 22 นาทีและมีภาพต้องใช้ถุงน้ำแข็งประคบหัวเข่า จึงอาจจะไม่ได้เห็นลงสนามที่ เอติฮัด สเตเดียม
