ASTV ผู้จัดการรายวัน – หากเอ่ยถึงหมู่เกาะสิงคโปร์ภาพแรกที่ทุกคนนึกถึงคงเป็นสภาพบ้านเมืองที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ภายใต้กรอบของกฎกติกาจากการควบคุมอันเข้มงวดของรัฐบาล ซึ่งเมื่อทุกอย่างเพียบพร้อมจึงเหมือนเป็นการต่อยอดสู่การพัฒนาประเทศในวงการอื่นๆ โดยตอนนี้กำลังผุดเมกะโปรเจ็คต์สร้างศูนย์กีฬาระดับโลกที่ชื่อว่า “สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ” จึงเหมือนเป็นสัญญาณเตือนไปยังเพื่อนบ้านรวมถึงไทย ถึงการขอยึดตำแหน่งศูนย์กลางกีฬาอันดับ 1 ของแถบอาเซียน
สิงคโปร์ เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นเมืองแห่งกีฬาอย่างต่อเนื่อง หลังดึงการแข่งขันรถ ฟอร์มูลา วัน กลับมาโลดแล่นบนแทร็กอีกครั้งเมื่อปี 2008 จนประสบความสำเร็จมีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมหาศาลจากบรรดานักท่องเที่ยวและแฟนความเร็วที่ตบเท้าเข้ามาชมกันแน่นทุกปีภายใต้จุดขายคือ “ไนต์ เรซ” ตอนนี้ยังได้ถูกเลือกให้เป็นเมืองเจ้าภาพ ซีเกมส์ 2015 โดยจะใช้ศูนย์กีฬา สปอร์ต ฮับ ที่เนรมิตขึ้นใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกมอบหมายให้รับหน้าเสื่อมาแล้วตั้งแต่ปี 2007 และ 2013 แต่คณะกรรมการโอลิมปิกของแดนลอดช่องบอกปัด เพราะเหตุผลสร้างสนามเสร็จไม่ทัน
สำหรับเมกะโปรเจกต์ สปอร์ต ฮับ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสิงคโปร์ ต้องการยกระดับให้เป็นศูนย์กีฬาและความบันเทิงเบอร์ 1 แห่งภูมิภาคอาเซียน ภายใต้คอนเซปต์ สปอร์ต เอนเตอร์เทน โดยเลือกพื้นที่บริเวณ คัลลัง ซึ่งมีสนามกีฬาแห่งชาติขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณนั้นเป็นฐานหลัก ตอนนี้ได้มีการปิดสนามใหญ่เพื่อดำเนินการต่อเติมตั้งแต่ปี 2007 ก่อนเริ่มพัฒนาพื้นที่รอบข้างประมาณ 220 ไร่ สร้างศูนย์กีฬาชนิดอื่นๆ ขึ้นมารายล้อม ภายใต้งบประมาณมหาศาลถึง 1.87 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท)
ข้างใน สปอร์ต ฮับ จะประกอบด้วยสนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งต่อเติมเพิ่มเป็น 55,000 ที่นั่งและหลังคาเปิด-ปิด เพื่อให้พร้อมใช้งานสำหรับทุกสภาพอากาศ รองรับการแข่งขันฟุตบอล, คริกเก็ต, กรีฑา และคอนเสิร์ตศิลปินดังที่เตรียมนำมาโชว์ ขณะที่รอบข้างก็มี อินดอร์ สเตเดียม ความจุ 12,000 ที่นั่ง ที่เพิ่งมีการปรับปรุงใหม่ให้สามารถใช้แข่งกีฬาได้ด้วย โดยเฉพาะทัวร์นาเมนต์ ดับเบิลยูทีเอ แชมเปียนชิป ศึกเทนนิสรายการใหญ่ส่งท้ายปีของฝ่ายหญิงที่ สิงคโปร์ ได้ลิขสิทธิ์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจนถึงปี 2018 รวมถึงกีฬาอื่นๆในอนาคตที่จะตามมาอีกเพียบ
นอกจากนี้ยังมี อควอติก เซ็นเตอร์ รองรับกีฬาทางน้ำที่ตอนนี้กำลังเร่งมือสร้างเพื่อให้ทันใช้งานสำหรับการแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลกของ สหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (ฟีน่า) ซึ่งจะมีขึ้นในปีหน้า ซึ่งบริเวณรอบนอกก็จะมีศูนย์วอเตอร์สปอร์ต ที่สามารถใช้แข่งขันประเภทเรือพาย และเรือแคนู ระยะทาง 500 เมตร พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งลานกีฬาอเนกประสงค์, ศูนย์ฟิตเนส, ศูนย์การค้าเล็กๆ แต่หรูหราที่พร้อมดูดเม็ดเงินจากกระเป๋านักท่องเที่ยวและผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชม
ส่วนเรื่องของการเดินทาง เรียกว่าสะดวกสบาย เพราะมีรถไฟฟ้าใต้ดินเชื่อมต่ออยู่ทั่วประเทศ ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็สามารถเดินลงสถานีไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่เตรียมตัวทำข่าวกีฬา ซีเกมส์ ปีหน้า ก็ไม่ต้องวุ่นวายกับการเดินทางย้ายไปสนามต่างๆ เพราะกีฬาทุกชนิดจะแข่งในสปอร์ต ฮับ ทั้งหมด ประหยัดเวลาได้มาก ยกเว้นฟุตบอลที่อาจมีการโยกย้ายไปฟาดแข้งที่สนามอื่นบ้างหรือจะเช่ารถขับไปเองได้ รวมถึงอีกหนึ่งทางเลือกคือรถประจำทางสาธารณะที่ได้รับความนิยมจากประชาชนแดนลอดช่องไม่แพ้กัน
โดย มร.มาร์ค คอลลินส์ กรรมการผู้จัดการของศูนย์กีฬาดังกล่าว เผยว่า “ตอนนี้การก่อสร้างดำเนินไปกว่า 70 เปอร์เซนต์แล้ว โดยคาดว่าน่าจะสามารถเปิดใช้งานได้ภายในช่วงกลางปีนี้ พร้อมมั่นใจว่าสนามแห่งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจของผู้คนในประเทศ และจะช่วยส่งให้ สิงคโปร์ ยกระดับขึ้นมาเป็นผู้นำด้านกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียนอย่างแน่นอน ซึ่งจากนี้ไปจะมีการนำอีเวนต์กีฬาใหญ่มาทำการแข่งขันที่นี่มากขึ้น นอกจาก ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ, ดับเบิลยูทีเอ แชมเปียนชิป, ว่ายน้ำชิงแชมป์โลก และเจ้าภาพ ซีเกมส์ ที่บรรจุอยู่ในโปรแกรมอยู่แล้ว”
ส่วน แอนดรูว์ จอร์จิอู ซีอีโอของ เวิลด์ สปอร์ต กรุ๊ป ที่เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการดึงกีฬามาแข่งที่สิงคโปร์ ยกเครดิตทั้งหมดให้กับรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์หวังพัฒนาประเทศให้เป็นเมืองแห่งกีฬา รวมถึงสปอนเซอร์ต่างๆ ที่พร้อมใจกันให้การสนับสนุนเต็มที่
เหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าวงการกีฬาจะพัฒนาขึ้นได้หากได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาลและเอกชน ซึ่ง ณ วันนี้ สิงคโปร์ ก้าวไกลผลักดันตัวเองขึ้นเป็นเจ้าแห่งอาเซียนในด้านนี้แล้ว ทั้งที่ไม่ได้มีนักกีฬาระดับแม่เหล็ก ผิดกับบางประเทศที่ขายฝันแบบลมๆ แล้งๆ หวังอยากเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับโลก แต่สุดท้ายต้องหยุดชะงัก เพราะความไม่พร้อมและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
