“แมนนิง” ท้ากำแพงซีฮอว์คส “ม้าป่า” ลุ้นแชมป์ซูเปอร์โบว์ล

เอเยนซี - เพย์ตัน แมนนิง สุดยอดควอเตอร์แบ็กกำลังลุ้นแหวนแชมป์วงที่สองให้ตัวเอง และเกียรติยศ “วินซ์ลอมบาร์ดี โทรฟี” หนที่สามของประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ “ม้าป่า” เดนเวอร์ บรองโกส์ แต่หากหวังถึงฝั่งฝันต้องฟันฝ่ากำแพง “ทีมรับ” ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส ไปให้ได้ก่อนในศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 48 เช้าวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ที่เม็ตไลฟ์ สเตเดียม ในนิวเจอร์ซีย์

โดยเกมชิงแชมป์แห่งศึก อเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ปีนี้ ถือว่าสมศักดิ์ศรียิ่ง เมื่อเป็นการพบกันระหว่าง บรองโกส์ ตัวแทนฝั่ง เอเอฟซี (AFC) ที่มี “ทีมบุก” อันดับ 1 ของลีก ภายใต้การนำทัพของ เพย์ตัน แมนนิง เจอกับ “เหยี่ยวทะเล” ซีฮอว์คส ตัวแทนฟาก เอ็นเอฟซี (NFC) ซึ่งมี “ทีมรับ” แกร่งสุดในบรรดา 32 ทีม

นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับ แมนนิง ซึ่งฤดูกาล 2013/14 ฟอร์มพีคสุดขีด ขว้างบอลเข้าเป้าคิดเป็นถึง 68.3 เปอร์เซ็นต์ ได้ระยะ 5,477 หลา 55 ทัชดาวน์ เสียเพียง 10 อินเทอร์เซปต์ ตำแหน่ง “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) สมัยที่ 5 คงไม่หนีไปไหน ด้วยการที่ บรองโกส์ มีอาวุธครบมือให้ควอเตอร์แบ็กวัย 37 ปี เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น เดอมาเรียส โธมัส, เอริค เด็คเกอร์, เวส เวลเกอร์ และ จูเลียส โธมัส จึงเป็นการบ้านให้ แดน ควินน์ โค้ชทีมรับ ซีฮอว์คส ได้คิดหนัก แต่เป้าหมายของ แมนนิง มักคีย์ไปที่ เดอมาเรียส โธมัส ดังนั้นการดวลกันกับ ริชาร์ด เชอร์แมน สุดยอดตัวคุมปีก คงถึงพริกถึงขิงน่าดู

ทั้งนี้ พีท แครอล หัวหน้าโค้ชซีฮอว์คส ต้องคิดให้ดีถึงการรับมือ แมนนิง เพราะนี่คือผู้เล่นที่รอบจัด อ่านลักษณะการยืนตำแหน่งของทีมรับได้ทะลุปรุโปร่ง ครั้นจะใช้แถวสองหรือแนวหลังช่วยกันโถมบลิทช์เพื่อกดดัน ทว่าจอมทัพ “ม้าป่า” ปีนี้ได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาแนวด้วยดีมาตลอด เมื่อใดที่ แมนนิง สามารถปักหลักในพ็อกเกตที่แน่นหนา นั่นหมายความว่า หายนะกำลังจะเกิดกับทีมรับฝั่งตรงข้าม “ทีมบุก” บรองโกส์ ซึ่งทำเฉลี่ย 37 แต้มต่อเกม เป็นเครื่องการันตีความดุอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์โบว์ลหนที่ 3 ของ แมนนิง หาใช่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องไม่ลืมว่า ซีฮอว์คส ป้องกัน “เกมรุกทางอากาศ” อันดับ 1 ของลีก เสียเฉลี่ยแค่ 162.9 หลาต่อเกมเท่านั้น แม้การดวลกับ แมนนิง แน่นอนว่าต้องโดนเจาะมากกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าสู่ “เรดโซน” (20 หลาหน้าบ้านคู่แข่ง) บรรดาผู้เล่นทีมรับประเภทเขี้ยวลากดินพร้อมทำงานถนัดทันที ซีซันนี้ “เหยี่ยวทะเล” เสียแค่ 13 ทัชดาวน์ในเรดโซน จากการโดนเจาะเข้ามาถึง 36 ครั้ง ที่สำคัญยังทำให้คู่ต่อสู้เสียถึง 7 เทิร์นโอเวอร์ ขณะที่ บรองโกส์ ได้ 17 ทัชดาวน์ในเรดโซน

เมื่อ แมนนิง แอนด์ โค ร้อนเกินห้ามใจขนาดนี้ แครอล ต้องโชว์กึ๋นออกมาให้เห็น ดั่งที่บรรดาผู้เล่น NFL พากันโหวตว่าอยากทำงานกับเฮดโค้ชคนนี้มากที่สุด ขณะเดียวกัน “ทีมบุก” ซีฮอว์คส ต้องมีความหลากหลายมากกว่าแผนยัดบอลใส่มือ มาร์ชอว์น ลินช์ ซึ่งเกมนี้ย่อมถูกคีย์เป็นพิเศษ ในรอบที่ผ่านมา บรองโกส์ เปิดตัวนำ ทำให้สามารถจำกัดเกมวิ่งของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถือบอลวิ่ง 35 ครั้งต่อเกม (ชิงแชมป์สาย AFC แพทส์วิ่งรวมกันแค่ 28 หน) ในซูเปอร์โบว์ลหนนี้ถ้า “เหยี่ยวทะเล” ใช้เกมบุกภาคพื้นดินไม่ถึงค่าเฉลี่ย 31.8 ครั้ง ลินช์ ถือบอลกระซวกแค่ระดับ 20-25 ครั้ง นั่นหมายความว่า แจ็ค เดล ริโอ โค้ชทีมรับ “ม้าป่า” ทำงานลุล่วง หรือไม่ ซีแอตเทิล ก็ตกเป็นรองไกลแล้ว

ดังนั้น รัสเซล วิลสัน ควอเตอร์แบ็กประสบการณ์ปีที่สองใน NFL ต้องกระโดดลงมามีส่วนร่วมกับเกมใหญ่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยรูปร่างที่สูงเพียง 5 ฟุต 11 นิ้ว (ราว 180 เซนติเมตร) วิลสัน จึงมีความคล่องตัวและอันตรายยิ่งเมื่อออกนอกพ็อกเก็ต อีกทั้งการที่ บรองโกส์ ไม่มี วอน มิลเลอร์ ไลน์แบ็กเกอร์ขาโหดที่เจ็บ คอยรังควานด้วยแล้ว จอมทัพวัย 25 ปี อาจมีเกมที่น่าจดจำในชีวิต อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในสถานการณ์ที่บีบให้ต้องขว้างบอลมากเกินความจำเป็น วิลสัน ซึ่งผลงานการสะบัดแขนตกลงไปตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลปกติ เพิ่งมาเค้นขึ้นเกมชิงแชมป์สาย NFC อัด ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส แต่เกมใหญ่ระดับ ซูเปอร์โบว์ล ด้วยความกดดันที่ถลาโถมก็ไม่รู้จะออกหมู่หรือจ่า ซึ่งเมื่อเทียบองค์ประกอบหลายด้าน กอปรกับการที่ แมนนิง เป็นกุญแจสำคัญพลิกเกมได้ตลอด “ม้าป่า” จึงดูมีภาษีลุ้นกระชากแชมป์มาครองได้มากกว่า ซีฮอว์คส