ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทัพมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย เสร็จภารกิจศึก ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2556 ด้วยผลงาน 7 เหรียญทองแบ่งเป็นชาย 5 เหรียญ และหญิง 2 เหรียญ ทั้งที่ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการทั้งในและนอกสังเวียน ซึ่งจากนี้จำเป็นต้องมองถึงความสำเร็จระดับที่ใหญ่กว่าอย่าง เอเชียน เกมส์ รวมไปถึง โอลิมปิก ที่ถือเป็นงานไม่ง่ายเลย
ก่อนเดินทางมาแข่ง “เนปิดอว์ เกมส์” เหล่ากำปั้นไทย ต้องเจออุปสรรคมากมาย ไล่ตั้งแต่การเลือกตั้งนายกสมาคม ที่เหมือนเป็นหัวเรือหลักในการขับเคลื่อนทุกอย่างให้เดินไป ซึ่งเมื่อล่าช้าก็กระทบกับกระบวนการต่างๆ ที่รออยู่เบื้องหน้าต้องหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องให้ลับฝีมือน้อยเกินไป รวมไปถึงกฎกติกาใหม่ เช่น ไม่สวมเฮดการ์ดและการนับคะแนนที่ไม่ใช่แบบหมัดต่อหมัด เพื่อให้ใกล้เคียงกับรูปแบบสากลมากที่สุด แต่สุดท้ายผลงานโดยรวมถือว่าสอบผ่านฉลุย
โดย แก้ว พงษ์ประยูร กำปั้นฮีโร่เหรียญเงิน โอลิมปิก 2012 ที่งวดนี้สวมบทบาทเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีมมวยสากลสมัครเล่นชายชุด ซีเกมส์ เผยกับ MGR Sport ว่า “พอใจกับผลงานของเพื่อนๆ และน้องๆ เป็นอย่างมากหลังทำได้เกินเป้า เพราะฝ่ายชาย 6 คนตอนแรกวางไว้แค่ 4 เหรียญ แต่ได้มาถึง 5 เหรียญ ส่วนรุ่น 56 กก.ของ ดอนชัย ทาธิ ที่ได้เพียงเหรียญเงินนั้นไม่ใช่ความล้มเหลว แม้การออกหมัดยังไม่เด็ดขาดเท่าคู่แข่งจาก ฟิลิปปินส์ ในไฟต์นั้น แต่นักมวยก็ชกได้น่าประทับใจ และน่าจะเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมต่อไปในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ”
หลังจบภารกิจที่ เนปิดอว์ แน่นอนว่าศึกใหญ่ต่อไปที่รออยู่เบื้องหน้าคือ เอเชียน เกมส์ ที่เกาหลีใต้ ระหว่าง 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม 2014 ซึ่งบรรดานักชกทั้ง 5 คนยกเว้น อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ ที่เตรียมผันตัวไปต่อยอาชีพ โดยจะเดินทางไปล่าความสำเร็จด้วยกันทั้งหมด ทว่าในกลุ่มนี้ยังไม่เคยมีใครคว้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬาแห่งเอเชียได้แม้แต่คนเดียว ดังนั้น “หมวดแก้ว” จึงแนะนำให้แต่ละคนเพิ่มอาวุธของตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อต่อกรกับนักมวยยอดฝีมือจากชาติต่างๆ ที่บุกมาลุ้นเหรียญทองที่ อินชอน
แก้ว เผยอีกว่า “เรื่องเทคนิกผมคิดว่านักมวยของเราไม่มีปัญหา แต่อาจต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งอีกนิดเพราะคู่แข่งใน เอเชียนเกมส์ เหนือกว่า ซีเกมส์ มากทีเดียว ที่น่ากลัวที่สุดคือ คาซัคสถาน กับ อุซเบกิสถาน โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ๆ 60 กก. ที่ออกหมัดได้คม รวดเร็ว และสภาพร่างกายแข็งแรงมาก ต้องเตรียมพร้อมให้ดี โดยเฉพาะการขึ้นชกโดยไม่สวมเฮดการ์ด ซึ่งงวดนี้มีหลายคนที่โดนต่อยเข้าที่หัวจนบาดเจ็บ เช่น วุฒิชัย มาสุข โดนนวมบาดที่คิ้วจนเลือดออก จากนี้ไปต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”
นอกจากนี้ แก้ว ยังพูดถึงจุดบกพร่องของลูกทีมแต่ละคน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการเติมเต็มและแก้ไข “ฉัตรชัย บุตรดี เป็นนักมวยที่มีหมัดคม, เร็ว แต่ส่วนมากจะมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพร่างกายที่ยังไม่แข็งแกร่งนักดังนั้นต้องฟิตให้มากกว่านี้ ขณะที่ ดอนชัย ทาธิ เป็นมวยไฟต์เตอร์ ต่อยดี กล้าได้กล้าเสีย แต่ควรเพิ่มอาวุธด้วยการฝึกออกหมัดระยะยาวเพิ่ม เพราะที่ผ่านมา ดอนชัย เน้นคลุกวงในยิงหมัดระยะใกล้มากเกินไปจนถูกคู่แข่งชกสวนคืนมาหลายครั้ง ด้าน สายลม อาดี สภาพจิตใจยังไม่นิ่งพอ เห็นได้ชัดว่าพอลงแข่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เจอเสียงเชียร์กดดันมากๆ ก็จะทำอะไรไม่ถูก ต้องทำจิตใจให้แกร่งกว่านี้”
“สำหรับ วุฒิชัย เป็นนักมวยที่ดี ครบเครื่องทั้งรุกและรับ ออกหมัดจะแจ้งและสภาพร่างกายแข็งแรงมาก แต่มีจุดอ่อนคือถ้าเจอมวยสไตล์ท้าตีท้าต่อยหรือพวกไฟต์เตอร์ ก็จะชกไม่เหมือนเดิมเหมือนแพ้ทางกัน น่าจะให้ฝึกต่อยกับนักมวยสไตล์นี้มากขึ้นเพื่อลับฝีมือ ส่วน อนวัช ถองกระโทก ซีเกมส์ครั้งแรกทำได้ดีมาก ต่อยดีชกสนุก แต่เสียเปรียบอย่างเดียวคือเรื่องสรีระที่เล็กไปหน่อยหากเทียบกับนักมวยรุ่น 81 กก.ของชาติอื่นๆ ซึ่งผมคิดว่าหากเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งกว่านี้เชื่อว่าจะสู้กับคู่แข่งได้สูสี” หมวดแก้ว ให้ความเห็น
สุดท้าย แก้ว เชื่อว่าหากทุกคนปรับปรุงข้อผิดพลาดของตัวเองได้ก่อนถึง เอเชียน เกมส์ มั่นใจว่าจะต้องมีเหรียญทองกลับมาแน่นอน ต่อจาก วรพจน์ เพชรขุ้ม อดีตนักชกไทยคนสุดท้ายที่ไปกระชากเหรียญทองมาได้ในศึก กวางโจว เกมส์ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว “เอเชียนเกมส์ ถือเป็นเวทีสำคัญของนักมวยทุกคนก่อนยกระดับสู่ โอลิมปิก คู่ต่อสู้ทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่า ซีเกมส์ มาก แต่ผมเชื่อมั่นว่า 5 คนที่ลงแข่งจะต้องเอาเหรียญทองกลับมาฝากคนไทยได้ โดยเฉพาะ ฉัตรชัย กับ ดอนชัย ที่ผมคาดหวังไว้เป็นพิเศษ ส่วนจะได้กี่เหรียญนั้นต้องรอดูกัน”