คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ทีมขวัญใจมวลมหาประชาชนชาวบอสตัน เตรียมตีตั๋วสู่โพสต์ซีซัน ในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) หากบุกเอาชนะ ไมอามี ดอลฟินส์ ได้ในสัปดาห์ที่ 15 เพราะนั่นหมายความว่า “นักรบกู้ชาติ” จะการันตีแชมป์กลุ่มเอเอฟซี (AFC) ตะวันออก ทันที
ทว่าชีวิตต่อจากนี้ของ บิลล์ บีลิชิก สุดยอดหัวหน้าโค้ชและลูกทีมไม่ง่าย เส้นทางในเพลย์ออฟโรยด้วยตะปูเรือใบ กว่าจะถึง เม็ตไลฟ์ สเตเดียม สังเวียนชิงชัย “ซูเปอร์โบว์ล” ครั้งที่ 48 ณ มหานครนิวยอร์ก เมื่อล่าสุด ร็อบ กรอนคอฟสกี เอ็นเข่าขวาฉีก พักนาน 8-12 เดือน รูดม่านฤดูกาล 2013/14 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ ทอม เบรดี ตีสีหน้าขรึมให้สัมภาษณ์สื่อมะกันทำนอง “แพทส์แมน” ไม่มีปัญหาเมื่อขาด “กร็องค์” ในเมื่อยังมีตัวเลือกอื่นในทีมบุก แต่ใจลึกๆ ควอเตอร์แบ็กซุปตาร์ย่อมต้องเสียดายกว่าใคร เพราะนับตั้งแต่สุดยอดปีกในคืนสนามสัปดาห์ที่ 7 มิติในเกมรุก นิวอิงแลนด์ เจิดจรัสขึ้นมาทันที แม้เกมคัมแบ็กของ กรอนคอฟสกี แพทริออตส์ บุกปราชัย นิวยอร์ก เจ็ตส์ 27-30 ก็ตาม
โดย “นักรบกู้ชาติ” เก็บชัยได้ 5 ครั้ง แพ้เพียง 2 เกม นับตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์วัย 24 ปี หายเจ็บจากการผ่าตัดแขนมา 4 หน อีกทั้ง “ทีมบุก” จากที่เคยทำเฉลี่ยแค่ 20.8 แต้ม ช่วง 6 เกมแรก ทว่าหลังจากนั้น แพทริออตส์ ได้จากคู่แข่งเฉลี่ยถึง 32 แต้ม จากผลงานของ กรอนคอฟสกี ที่รับบอลไป 39 ครั้ง ได้ระยะ 592 หลา 4 ทัชดาวน์ เมื่อได้เป้าใหญ่ข้างในกลับมา ไม่น่าแปลกใจที่ได้เห็น เบรดี กระจายบอลได้ดี 4 จาก 5 เกมหลัง จอมเก๋าวัย 36 ปี ขว้างบอลคอมพลีทเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ มาฟอร์มหล่นไปบ้างสัปดาห์ก่อนที่ขว้างบอลสำเร็จใส่ คลีฟแลนด์ บราวน์ส แค่ 61.5 เปอร์เซ็นต์ แถมระยะก็มาเป็นกอบเป็นกำ มีแค่เกมพ่าย แคโรไลนา แพนเธอร์ส เท่านั้นที่ เบรดี ขว้างไม่ถึงหลักอย่างน้อย 344 หลา (แพ้เสือดำ เบรดี ขว้างได้เพียง 296 หลา)
เมื่อไม่มี “กร็องค์” ในช่วงที่เหลือ แพทริออตส์ ไม่มีทางเลือกต้องหวนกลับไปดึง ดี.เจ.วิลเลียมส์ ที่เพิ่งปล่อยทิ้งเมื่อสัปดาห์ก่อน กลับมาสู่ทีม แต่คุณภาพคงต่างกันลิบ เมื่อ วิลเลียมส์ รวมถึงปีกในรายอื่นอย่าง ไมเคิล ฮูมานาวานุย และ แม็ทธิว มัลลิแกน แถมฟูลแบ็กอย่าง เจมส์ เดเวลิน รับบอลจาก เบรดี รวมกันได้แค่ 16 หน หนึ่งสกอร์ ดังนั้น จอช แม็คแดเนียลส์ โค้ชทีมบุกต้องดีไซน์แผนให้ล้ำกว่าเดิม ในเมื่อเป้าทำลายล้างตรงกลาง เพื่อเปลี่ยนดาวน์ระยะสั้นถึงกลางไม่มีแล้ว มีโอกาสที่ ไลน์แบ็กเกอร์ คู่แข่งจะกล้าโถมบลิทซ์ใส่ เบรดี มากขึ้น หรือแม้แต่ปีกนอกที่ต่างก็อัปฟอร์มขึ้นมาอย่าง แดนนี อาเมนโดลา และ จูเลียน อีเดลแมน งานนี้มีโอกาสโดนประกบสองมากขึ้น เพราะเซฟตีไม่ต้องพะวงกับการขึ้นมาซ้อนกองกลางช่วยประกบ กรอนคอฟสกี
เมื่อสถานการณ์บีบรัดเช่นนี้ เกมการวิ่ง ระดับกลางๆ ของลีก ได้ระยะเฉลี่ย 120 หลาต่อเกม ถือบอลเฉลี่ย 4.2 หลาต่อครั้ง ถูกพิจารณาใช้มากขึ้น สตีวาน ริดลีย์ กับ แบรนดอน โบลเดน ต้องเจาะทะลวงให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เชน วีรีน คงมีบทบาทกับการถูกส่งลงมาช่วยรับบอลสั้นเพื่อเปลี่ยนดาวน์ด้วย นี่เป็นสิ่งที่ บีลิชิก กับ แม็คแดเนียลส์ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในช่วง 3 เกมสุดท้ายของฤดูกาลปกติ เริ่มตั้งแต่เยือน ดอลฟินส์ บุกรังแชมป์เก่า บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และกลับมาเล่นที่บ้านชน บัฟฟาโล บิลล์ส เพื่อเป้าหมายได้บายในรอบแรกไว้ก่อน ส่วนโอกาสลุ้นเบียด เดนเวอร์ บรองโกส์ เพื่อสิทธิ์ “เล่นในบ้านตลอดเพลย์ออฟ” (Home Field Advantage) ไม่ใช่ง่าย
ที่สำคัญสถิติอย่าหล่นไปต่ำกว่า ซินซินเนติ เบงกอลส์ เชียวเดี๋ยวงานเข้า หากได้เจอกันรอบสอง เพราะแค่ต้องเล่นรอบแรกกับ เรฟเวนส์ อาจซ้ำรอยช้ำปี 2010 ที่โดน เรย์ ไรซ์ วิ่งฉีกถึง ยิลเล็ตต์ สเตเดียม มาแล้วก็เป็นได้
นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ทีมขวัญใจมวลมหาประชาชนชาวบอสตัน เตรียมตีตั๋วสู่โพสต์ซีซัน ในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) หากบุกเอาชนะ ไมอามี ดอลฟินส์ ได้ในสัปดาห์ที่ 15 เพราะนั่นหมายความว่า “นักรบกู้ชาติ” จะการันตีแชมป์กลุ่มเอเอฟซี (AFC) ตะวันออก ทันที
ทว่าชีวิตต่อจากนี้ของ บิลล์ บีลิชิก สุดยอดหัวหน้าโค้ชและลูกทีมไม่ง่าย เส้นทางในเพลย์ออฟโรยด้วยตะปูเรือใบ กว่าจะถึง เม็ตไลฟ์ สเตเดียม สังเวียนชิงชัย “ซูเปอร์โบว์ล” ครั้งที่ 48 ณ มหานครนิวยอร์ก เมื่อล่าสุด ร็อบ กรอนคอฟสกี เอ็นเข่าขวาฉีก พักนาน 8-12 เดือน รูดม่านฤดูกาล 2013/14 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ ทอม เบรดี ตีสีหน้าขรึมให้สัมภาษณ์สื่อมะกันทำนอง “แพทส์แมน” ไม่มีปัญหาเมื่อขาด “กร็องค์” ในเมื่อยังมีตัวเลือกอื่นในทีมบุก แต่ใจลึกๆ ควอเตอร์แบ็กซุปตาร์ย่อมต้องเสียดายกว่าใคร เพราะนับตั้งแต่สุดยอดปีกในคืนสนามสัปดาห์ที่ 7 มิติในเกมรุก นิวอิงแลนด์ เจิดจรัสขึ้นมาทันที แม้เกมคัมแบ็กของ กรอนคอฟสกี แพทริออตส์ บุกปราชัย นิวยอร์ก เจ็ตส์ 27-30 ก็ตาม
โดย “นักรบกู้ชาติ” เก็บชัยได้ 5 ครั้ง แพ้เพียง 2 เกม นับตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์วัย 24 ปี หายเจ็บจากการผ่าตัดแขนมา 4 หน อีกทั้ง “ทีมบุก” จากที่เคยทำเฉลี่ยแค่ 20.8 แต้ม ช่วง 6 เกมแรก ทว่าหลังจากนั้น แพทริออตส์ ได้จากคู่แข่งเฉลี่ยถึง 32 แต้ม จากผลงานของ กรอนคอฟสกี ที่รับบอลไป 39 ครั้ง ได้ระยะ 592 หลา 4 ทัชดาวน์ เมื่อได้เป้าใหญ่ข้างในกลับมา ไม่น่าแปลกใจที่ได้เห็น เบรดี กระจายบอลได้ดี 4 จาก 5 เกมหลัง จอมเก๋าวัย 36 ปี ขว้างบอลคอมพลีทเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ มาฟอร์มหล่นไปบ้างสัปดาห์ก่อนที่ขว้างบอลสำเร็จใส่ คลีฟแลนด์ บราวน์ส แค่ 61.5 เปอร์เซ็นต์ แถมระยะก็มาเป็นกอบเป็นกำ มีแค่เกมพ่าย แคโรไลนา แพนเธอร์ส เท่านั้นที่ เบรดี ขว้างไม่ถึงหลักอย่างน้อย 344 หลา (แพ้เสือดำ เบรดี ขว้างได้เพียง 296 หลา)
เมื่อไม่มี “กร็องค์” ในช่วงที่เหลือ แพทริออตส์ ไม่มีทางเลือกต้องหวนกลับไปดึง ดี.เจ.วิลเลียมส์ ที่เพิ่งปล่อยทิ้งเมื่อสัปดาห์ก่อน กลับมาสู่ทีม แต่คุณภาพคงต่างกันลิบ เมื่อ วิลเลียมส์ รวมถึงปีกในรายอื่นอย่าง ไมเคิล ฮูมานาวานุย และ แม็ทธิว มัลลิแกน แถมฟูลแบ็กอย่าง เจมส์ เดเวลิน รับบอลจาก เบรดี รวมกันได้แค่ 16 หน หนึ่งสกอร์ ดังนั้น จอช แม็คแดเนียลส์ โค้ชทีมบุกต้องดีไซน์แผนให้ล้ำกว่าเดิม ในเมื่อเป้าทำลายล้างตรงกลาง เพื่อเปลี่ยนดาวน์ระยะสั้นถึงกลางไม่มีแล้ว มีโอกาสที่ ไลน์แบ็กเกอร์ คู่แข่งจะกล้าโถมบลิทซ์ใส่ เบรดี มากขึ้น หรือแม้แต่ปีกนอกที่ต่างก็อัปฟอร์มขึ้นมาอย่าง แดนนี อาเมนโดลา และ จูเลียน อีเดลแมน งานนี้มีโอกาสโดนประกบสองมากขึ้น เพราะเซฟตีไม่ต้องพะวงกับการขึ้นมาซ้อนกองกลางช่วยประกบ กรอนคอฟสกี
เมื่อสถานการณ์บีบรัดเช่นนี้ เกมการวิ่ง ระดับกลางๆ ของลีก ได้ระยะเฉลี่ย 120 หลาต่อเกม ถือบอลเฉลี่ย 4.2 หลาต่อครั้ง ถูกพิจารณาใช้มากขึ้น สตีวาน ริดลีย์ กับ แบรนดอน โบลเดน ต้องเจาะทะลวงให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เชน วีรีน คงมีบทบาทกับการถูกส่งลงมาช่วยรับบอลสั้นเพื่อเปลี่ยนดาวน์ด้วย นี่เป็นสิ่งที่ บีลิชิก กับ แม็คแดเนียลส์ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในช่วง 3 เกมสุดท้ายของฤดูกาลปกติ เริ่มตั้งแต่เยือน ดอลฟินส์ บุกรังแชมป์เก่า บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และกลับมาเล่นที่บ้านชน บัฟฟาโล บิลล์ส เพื่อเป้าหมายได้บายในรอบแรกไว้ก่อน ส่วนโอกาสลุ้นเบียด เดนเวอร์ บรองโกส์ เพื่อสิทธิ์ “เล่นในบ้านตลอดเพลย์ออฟ” (Home Field Advantage) ไม่ใช่ง่าย
ที่สำคัญสถิติอย่าหล่นไปต่ำกว่า ซินซินเนติ เบงกอลส์ เชียวเดี๋ยวงานเข้า หากได้เจอกันรอบสอง เพราะแค่ต้องเล่นรอบแรกกับ เรฟเวนส์ อาจซ้ำรอยช้ำปี 2010 ที่โดน เรย์ ไรซ์ วิ่งฉีกถึง ยิลเล็ตต์ สเตเดียม มาแล้วก็เป็นได้
