ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตำแหน่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ “ผู้ว่าการ กกท.” ของ “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธุ์ จุลเกษม ใกล้จะครบเทอมวันที่ 30 มิถุนายน 2557 โดยทางคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการ กกท.ได้ปิดเส้นตายรับสมัครไปแล้ว ก่อนที่จะมีการพิจารณาเบื้องต้นวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะรองผู้ว่าการทั้ง 3 คนตัดสินใจลงชิงเก้าอี้ รวมกับแคนดิเดตที่เหลือได้ทั้งหมด 5 ราย
นายมนตรี ไชยพันธุ์ (รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา) : ลงสมัครเป็นรอบที่ 2 หลังจากที่รอบแรกคู่แข่งอย่าง “โค้ชหรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน คุณสมบัติไม่ครบ ทางคณะกรรมการจึงทำการเปิดรับผู้สมัครอีกครั้ง ซึ่งนายมนตรีถือว่าเป็นลูกหม้อของ กกท.อย่างแท้จริง เข้าทำงานตั้งแต่ปี 2527 ก่อนรับตำแหน่งรองผู้ว่าการในปี 2543 เป็นต้นมา ที่สำคัญเจ้าตัวถือเป็นผู้ประสานสิบทิศให้กับทุกสมาคมกีฬาเกี่ยวกับเรื่องหลักการพัฒนาและกฎเกณฑ์ต่างๆ ยามมีปัญหาจนใครหลายคนในรั้วหัวหมากคอยส่งเสียงเชียร์
“ด้วยความที่เป็นคนของ กกท.เมื่อโอกาสมาถึงและเราเองก็มั่นใจในความสามารถก็เลยลองดู เพราะหลายฝ่ายในหน่วยงานก็อยากให้เป็นคนเข้ามาสานต่อ ที่สำคัญเราก็รู้ระบบทำงานดีอยู่แล้ว รู้ว่าควรจะแก้ไขหรือพัฒนาจุดไหนต่อไป แต่ทั้งนี้ก็ไม่ขอพูดอะไรมากและผมเองมองว่าตำแหน่งนี้มีการทำงานเกี่ยวพันกับการเมืองสูงด้วย ให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดสรรที่จะพิจารณาดีกว่า” รองมนตรีเผย
นายสกล วรรณพงษ์ (รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์) : เป็นอีกรายที่ไต่เต้าตั้งแต่ระดับพนักงานจนได้เป็นผู้บริหาร “รองเสือ” คอยดูแลเกี่ยวกับกีฬาอาชีพของประเทศไทย โดยเฉพาะกีฬาเจ้าปัญหาอย่าง มวย และ ฟุตบอล และด้วยบุคลิกที่เรียกได้ว่าน่าเกรงขามสมชื่อจึงได้รับเสียงสนับสนุนพอสมควรทีเดียว
“เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นรองผู้ว่าการทั้ง 3 คนลงสมัครพร้อมกัน ผมมองว่าเราเป็นคนในก็ต้องลองสู้ดูสักตั้ง ซึ่งมั่นใจว่าตัวเองมีศักยภาพพอ แต่ไม่ว่าใครจะได้ก็ยืนยันว่าจะไม่ขัดแย้งกันแน่นอน ที่สำคัญได้ยินมาว่าจะมีพวกสายวิชาการที่ได้รับแรงสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองมาชิงเก้าอี้ จึงต้องผนึกกำลังกันเพื่อสู้กับคนนอก แต่สำหรับผมเรียกได้ว่าเป็นคนพันธุ์ดุ ทำอะไรทำจริง บางครั้งอาจไม่ถูกใจผู้คัดสรรก็เป็นได้ เพราะผู้บริหารส่วนใหญ่จะชอบแบบนอบน้อมมากกว่า” รองสกลกล่าว
นายสังเวียน บุญโต (รองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร) : ได้รับความไว้ใจจากให้ดูแลเรื่องการพัฒนาบุคลากรในองค์กร การจัดระบบการเงิน การพัฒนาขีดความสามารถของฝ่ายภูมิภาค และสานต่อโครงการพัฒนากีฬาจังหวัด ซึ่ง “รองจุก” ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแม้จะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียงปีที่ 3 ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นปั้นเยาวชนจนก้าวสู่นักกีฬาอาชีพและสมัครเล่น พร้อมคว้าเหรียญรางวัลมานักต่อนัก
“ผมมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง แต่คงยังไม่ถึงกับร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้เตรียมตัวและเอกสารอย่างดีจึงไม่หนักใจอะไรกับการทดสอบที่จะมีขึ้น ที่สำคัญมีประสบการณ์ในการทำงานมามากพอและรู้ว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นในการทำงาน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเร่งศึกษาสิ่งที่ควรทำเพื่อเป็นการสานต่อผู้ว่าการคนปัจจุบัน” รองจุก กล่าว
นายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ (รักษาการนายกสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย) : ถือว่าเซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาผู้สมัครครั้งนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่านายอธิปรัฐขัดแย้งกับ กกท.อย่างหนักถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล หลังจากที่ กกท.ไม่รับรองผลชัยชนะการเลือกตั้งนายใหญ่แม่นปืนของตนเนื่องจากมองว่าผิดข้อบังคับ จนเรื่องคาราคาซังมากว่า 3 ปีแล้ว หนำซ้ำยังขู่ฟ้องผู้ว่าการ และรองผู้ว่าการ ในคดีอาญาเบ็ดเสร็จกว่า 30 คดีอีกด้วย
“รู้ตัวดีว่าคงไม่ได้รับการคัดเลือก แต่ที่ลงสมัครเพราะต้องการสะกิดให้รู้ว่ายังมีคนแบบผมที่คอยดูความเคลื่อนไหวของ กกท.อยู่ โดยมั่นใจว่าแม้จะเป็นคนนอกแต่รู้เรื่องกกท.ดีกว่าผู้สมัครที่เป็นคนในเสียอีก หากเป็นไปได้อยากให้มีการเปิดดีเบตให้ผู้สมัครแต่ละรายแถลงนโยบายของตนเองให้ประชาชนรู้ไปเลย เพราะแผนการของผมนั้นจะล้างบาง กกท.และพลิกกระดานใหม่ จะเป็นผู้บริหารที่ทำงานจริงลงพื้นที่ไม่ใช่ใส่สูทผูกเนคไทอยู่ในห้องแอร์” นายใหญ่แม่นปืนกล่าว
ดร.ปรางทิพย์ ยุวานนท์ (ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจการกีฬาและการบันเทิง ม.ศรีปทุม) : ผู้สมัครสาวเพียงรายเดียว มีดีกรีปริญญาเอก บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเซาธ์ออสเตรเลีย เป็นเครื่องการันตี และยังเคยได้รับประกาศนียบัตรการบริหารจัดการกีฬา, การอบรมโค้ช และ ผู้ควบคุมการตัดสินจาก กกท.อีกด้วย อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากผู้ใหญ่ในคณะโอลิมปิกไทยด้วยเช่นกัน
“ที่ผ่านมาได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่มาโดยตลอด มีประสบการณ์และได้มองการทำงานของกกท.มากว่า 10 ปีเต็ม จึงอยากที่ใช้ความคิดของคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาให้กกท.ก้าวให้ทันโลก เช่น มีเว็บไซต์ที่แบบเรียลไทม์ การสื่อสารกับสมาคมต้องมีข้อมูลที่แน่นและคม ซึ่งในความเป็นผู้หญิงจึงมีความใส่ใจในรายละเอียดที่มากกว่าแน่นอน” ดร.สาวกล่าว
จากนี้ทั้ง 5 ราย จะต้องไปสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษและแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯที่มี ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นั่งเป็นประธาน ก่อนที่จะถูกส่งชื่อไปให้คณะกรรมการ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ “บอร์ด กกท.” เป็นผู้พิจารณาขั้นสุดท้าย และประกาศผลผู้ที่ได้รับความไว้วางใจได้เป็น “ผู้ว่าการ กกท.คนใหม่” อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมศกหน้า