“เลอ เบลอส์” ฝรั่งเศส อันประกอบด้วยสตาร์ดังมากมาย อาทิ คาริม เบนเซมา ศูนย์หน้าจาก รีล มาดริด, ฟรองค์ ริเบรี หนึ่งในผู้ท้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) หรือ โอลิวิเยร์ ชีรูด์ ดาวยิงตัวเก่งของ อาร์เซนอล ฯลฯ ส่อแววอดโชว์ตัว ในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล หลังบุกพ่าย ยูเครน 0-2 หลังผ่านรอบเพลย์ออฟ โซนยุโรป นัดแรก ซึ่งตามประวัติศาสตร์ไม่เคยมีทีมใดตกเป็นรอง 2 ลูก แล้วพลิกนรก เข้ารอบสุดท้ายได้เลย เว็บไซต์ “Goal.com” รวบรวมบรรดา “โคตรทีม” แต่ละยุค ที่แฟนๆ ต้องชวดยลฝีเท้า ใน เวิลด์ คัพ
5.อังกฤษ (1974)
ยุค 1970 ถือเป็นช่วงเวลาอันมืดมนสำหรับ “สิงโตคำราม” เนื่องจากไม่เคยผ่านรอบคัดเลือก ทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ยูโร ระหว่างปี 1970-1980 เกมที่น่าผิดหวังแบบสุดๆ คือ ฟุตบอลโลก 1974 ที่เยอรมัน แชมป์โลก 1 สมัย เปิดสนามเวมบลีย์ รับการมาเยือน โปแลนด์ โดยต้องการชัยชนะสถานเดียว แต่ทำได้แค่เสมอ 1-1 ในแมตช์นั้น แยน โทมัสซูว์กี นายทวาร ถูกยกย่องเป็นฮีโร่ของชาวโปล
4.เนเธอร์แลนด์ (1986)
หลังจากความผิดหวังในฟุตบอลโลก ปี 1978 ซึ่งทำได้เพียงรองแชมป์ เข้าสู่ยุคผลัดใบของนักเตะวัยหนุ่มแดนกังหันลม ช่วงกลางปี 1980 อย่าง “3 ทหารเสือ” รุด กุลลิท, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ มาร์โก แวน บาสเทน รวมถึง ร็อบ เดอ วิต อย่างไรก็ตาม “อัศวินสีส้ม” ต้องพลาดลัดฟ้าสู่ประเทศเม็กซิโก หลังพ่าย “อเวย์โกล” แก่ เบลเยียม จากประตูช่วงท้ายเกมของ จอร์เจส กรุน ในนัด 2
3.โปรตุเกส (1998)
ภายใต้ยุคทองนำโดย หลุยส์ ฟิโก, รุย คอสตา และ เจา ปินโต ทำให้ทัพนักเตะแดนฝอยทอง มีโอกาสดีสุดในการเข้ารอบ ฟุตบอลโลก ตั้งแต่ยุค “เสือดำแห่งโมซัมบิก” ยูเซบิโอ และ มาริโอ โคลูนา เมื่อปี 1966 แต่แฟนๆ ก็ต้องอกหัก เนื่องจาก “เซเลเซา” ทำได้เพียงคว้าอันดับ 3 รอบคัดเลือก ตามหลัง เยอรมัน และ ยูเครน
2.ยูโกสลาเวีย (1994)
น่าเสียดายที่ ยูโกสลาเวีย ไม่ได้ลงเล่น รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 1994 เนื่องจากติดโทษแบนจากสงครามแบ่งแยกดินแดนจนแตกออกเป็น บอสเนีย เฮอร์เซโกวินา, โครเอเชีย, สโลวีเนีย, มาเซโดเนีย ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ณ เวลานั้น ยูโกสลาเวีย น่าจะเป็นทีมแกร่งสุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอุดมด้วยสตาร์ดังอย่าง ดราแกน สตอยโควิช, ซโวนิเมียร์ โบบัน, เดยัน ซาวิเซวิช, ดาวอร์ ซูเคอร์ และ ซินิซา มิไฮโลวิช ฯลฯ
1.ฝรั่งเศส (1994)
“เลอ เบลอส์” ซึ่งประกอบด้วยสตาร์ดัง อาทิ ฌอง ปิแอร์ ปาแป็ง, ดาวิด ชิโนลา, เอริค คันโตนา, มาร์เซล เดอไซญี และ ดิดิเยร์ เดสชองป์ส ต้องการเพียงแค่ 1 แต้มจาก 2 เกมเหย้า ก็จะลัดฟ้าสู่เมืองลุงแซมทันที แต่กลับพ่าย อิสราเอล ทีมบ๊วย กลุ่ม 6 แบบเหลือเชื่อ 2-3 ก่อนถูก บัลแกเรีย ซัดประตูช่วงทดเจ็บ ปราชัย 2 เกมรวด ชนิดช็อกแฟนๆ แดนน้ำหอม
5.อังกฤษ (1974)
ยุค 1970 ถือเป็นช่วงเวลาอันมืดมนสำหรับ “สิงโตคำราม” เนื่องจากไม่เคยผ่านรอบคัดเลือก ทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ยูโร ระหว่างปี 1970-1980 เกมที่น่าผิดหวังแบบสุดๆ คือ ฟุตบอลโลก 1974 ที่เยอรมัน แชมป์โลก 1 สมัย เปิดสนามเวมบลีย์ รับการมาเยือน โปแลนด์ โดยต้องการชัยชนะสถานเดียว แต่ทำได้แค่เสมอ 1-1 ในแมตช์นั้น แยน โทมัสซูว์กี นายทวาร ถูกยกย่องเป็นฮีโร่ของชาวโปล
4.เนเธอร์แลนด์ (1986)
หลังจากความผิดหวังในฟุตบอลโลก ปี 1978 ซึ่งทำได้เพียงรองแชมป์ เข้าสู่ยุคผลัดใบของนักเตะวัยหนุ่มแดนกังหันลม ช่วงกลางปี 1980 อย่าง “3 ทหารเสือ” รุด กุลลิท, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ มาร์โก แวน บาสเทน รวมถึง ร็อบ เดอ วิต อย่างไรก็ตาม “อัศวินสีส้ม” ต้องพลาดลัดฟ้าสู่ประเทศเม็กซิโก หลังพ่าย “อเวย์โกล” แก่ เบลเยียม จากประตูช่วงท้ายเกมของ จอร์เจส กรุน ในนัด 2
3.โปรตุเกส (1998)
ภายใต้ยุคทองนำโดย หลุยส์ ฟิโก, รุย คอสตา และ เจา ปินโต ทำให้ทัพนักเตะแดนฝอยทอง มีโอกาสดีสุดในการเข้ารอบ ฟุตบอลโลก ตั้งแต่ยุค “เสือดำแห่งโมซัมบิก” ยูเซบิโอ และ มาริโอ โคลูนา เมื่อปี 1966 แต่แฟนๆ ก็ต้องอกหัก เนื่องจาก “เซเลเซา” ทำได้เพียงคว้าอันดับ 3 รอบคัดเลือก ตามหลัง เยอรมัน และ ยูเครน
2.ยูโกสลาเวีย (1994)
น่าเสียดายที่ ยูโกสลาเวีย ไม่ได้ลงเล่น รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 1994 เนื่องจากติดโทษแบนจากสงครามแบ่งแยกดินแดนจนแตกออกเป็น บอสเนีย เฮอร์เซโกวินา, โครเอเชีย, สโลวีเนีย, มาเซโดเนีย ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ณ เวลานั้น ยูโกสลาเวีย น่าจะเป็นทีมแกร่งสุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอุดมด้วยสตาร์ดังอย่าง ดราแกน สตอยโควิช, ซโวนิเมียร์ โบบัน, เดยัน ซาวิเซวิช, ดาวอร์ ซูเคอร์ และ ซินิซา มิไฮโลวิช ฯลฯ
1.ฝรั่งเศส (1994)
“เลอ เบลอส์” ซึ่งประกอบด้วยสตาร์ดัง อาทิ ฌอง ปิแอร์ ปาแป็ง, ดาวิด ชิโนลา, เอริค คันโตนา, มาร์เซล เดอไซญี และ ดิดิเยร์ เดสชองป์ส ต้องการเพียงแค่ 1 แต้มจาก 2 เกมเหย้า ก็จะลัดฟ้าสู่เมืองลุงแซมทันที แต่กลับพ่าย อิสราเอล ทีมบ๊วย กลุ่ม 6 แบบเหลือเชื่อ 2-3 ก่อนถูก บัลแกเรีย ซัดประตูช่วงทดเจ็บ ปราชัย 2 เกมรวด ชนิดช็อกแฟนๆ แดนน้ำหอม