คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ขณะที่การแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียน อย่าง “ซีเกมส์ 2013” ขยับคืบคลานเข้าใกล้มาทุกที ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาไทยก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้อยากจับประเด็นสถานการณ์ที่แตกต่างของสองสมาคมกีฬามาขยายให้มองเห็นภาพรวมร่วมกัน ซึ่งก็คือสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กับสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ที่ต่างก็กลายเป็นสมาคมกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในและต่างประเทศเวลานี้
โดยสมาคมกีฬาลูกยางนั้นเพิ่งคว้าแชมป์เอเชีย มาเป็นสมัยที่ 2 กับทีมนักกีฬาหญิง และกำลังเตรียมตัวทำศึก เวิลด์ แกรนด์ แแชมเปียน คัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งก็อย่างที่เคยกล่าวถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ว่ารายการนี้ “โค้ชอ๊อด” เกียรติพงษ์ รัชตะเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอน ยอมรับว่าไม่กล้าหวังผลเลิศอะไร เพราะตอนได้แชมป์เอเชียครั้งแรก แล้วได้โควตาร่วมแข่งขันรายการนี้ปี 2009 ตอนนั้นเราก็แพ้รวด เพราะคู่แข่งนั้นแกร่งกว่ามากจริงๆ ส่วนครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตรียมทีมก่อนลุยซีเกมส์ ที่พม่า ปลายปีนี้ไปเลย
ซึ่ง “เนปิดอว์เกมส์” ครั้งนี้มี 5 ทีมส่งแข่งขันประเภทหญิง แข่งแบบพบกันหมด โดยสาวไทยแชมป์ 16 สมัย พบ มาเลเซีย เป็นนัดแรกวันที่ 14 ธันวาคม, พบเวียดนาม วันที่ 15 ธันวาคม, พบ อินโดนีเซีย วันที่ 16 ธันวาคม และ พบ พม่า วันที่ 17 ธันวาคม ก่อนนำทีมอันดับ 1 และ 2 มาชิงชนะเลิศกัน
และแม้จะเป็นเพียงแค่กีฬาแห่งอาเซียน ทว่าสมาคมวอลเลย์บอลไทย ก็ประกาศที่จะส่งผู้เล่นชุดใหญ่ร่วมการแข่งขัน แทนที่จะเป็นผู้เล่นชุดสำรอง เหตุก็เนื่องมาจากคู่แข่งในภูมิภาคนี้ต่างก็อยากจะโค่นแชมป์เอเชียด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะสาวเวียดนามที่ฝีไม้ฝีมือไม่ธรรมดา ประมาทอาจมีน้ำตาตกได้ งานนี้จึงต้องอาศัยตัวเก๋าอย่าง วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, วรรณา บัวแก้ว และ นุศรา ต้อมคำ กลับมาพยุงทีมต่อไป
ผิดกับสมาคมกีฬาที่อุดมไปด้วยดาวรุ่งอย่าง แบดมินตัน ที่ประกาศส่งนักกีฬาดาวรุ่งร่วมการแข่งขัน เริ่มต้นด้วยชายเดี่ยว สัพพัญญู อวิหิงสานนท์, พิสิษฐ์ พูดฉลาด ส่วนหญิงเดี่ยว ณิชชาอร จินดาพล, บุศนันท์ อึ้งบำรุงพันธ์ ขณะที่ชายคู่ มณีพงศ์ จงจิตร กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร และคู่ของ ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม กับ วรรณวัฒน์ อำพันสุวรรณ ด้านหญิงคู่ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กับ พุธิตา สุภจิรกุล, สาวิตรี อมิตรพ่าย กับ ณริฎษาพัชร แลม และคู่ผสม มณีพงศ์ จงจิตร กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร กับ พุธิตา สุภจิรกุล
ส่วนที่ไม่ได้ไปซีเกมส์ อย่าง “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ, “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข, “น้องเมย์”' รัชนก อินทนนท์, พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข รวมถึงประเภทหญิงคู่ ดวงอนงค์ อรุณเกษร กับ กุลชลา วรวิจิตรชัยกุล และ ประเภทคู่ผสม สุดเขต ประภากมล กับ สราลีย์ ทุ่งทองคำ ที่ทั้งหมดมีลุ้นเข้าร่วมการแข่งขันรายการใหญ่อย่าง “ซูเปอร์ซีรีส์ไฟนอล” ซึ่งตรงกับการแข่งขันซีเกมส์ ในเดือนธันวาคม
ถามว่าการส่งนักกีฬาดาวรุ่งไปแข่งขันซีเกมส์แล้วเราจะมีลุ้นเหรียญทองหรือไม่ แน่นอนว่ามีแน่ เนื่องจากผู้เล่นจากชาติในอาเซียนที่เป็นมือดีประจำภูมิภาคนี้ต่างก็มีชื่อมีลุ้นไปลุย “ซูเปอร์ซีรีส์ไฟนอล” ที่มาเลเซียเช่นกัน ถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสแบบเล็กๆ ของทีมนักกีฬาดาวรุ่งชาวไทยไม่น้อย ดังนั้นเราคงเห็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันของทั้งสองสมาคมเป็นอย่างดี
และคงบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูกกับการส่งนักกีฬาดังกรณีทั้งสองนี้ เนื่องจากเป็นความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้...
ขณะที่การแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคอาเซียน อย่าง “ซีเกมส์ 2013” ขยับคืบคลานเข้าใกล้มาทุกที ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาไทยก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้อยากจับประเด็นสถานการณ์ที่แตกต่างของสองสมาคมกีฬามาขยายให้มองเห็นภาพรวมร่วมกัน ซึ่งก็คือสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กับสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ที่ต่างก็กลายเป็นสมาคมกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในและต่างประเทศเวลานี้
โดยสมาคมกีฬาลูกยางนั้นเพิ่งคว้าแชมป์เอเชีย มาเป็นสมัยที่ 2 กับทีมนักกีฬาหญิง และกำลังเตรียมตัวทำศึก เวิลด์ แกรนด์ แแชมเปียน คัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งก็อย่างที่เคยกล่าวถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ว่ารายการนี้ “โค้ชอ๊อด” เกียรติพงษ์ รัชตะเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอน ยอมรับว่าไม่กล้าหวังผลเลิศอะไร เพราะตอนได้แชมป์เอเชียครั้งแรก แล้วได้โควตาร่วมแข่งขันรายการนี้ปี 2009 ตอนนั้นเราก็แพ้รวด เพราะคู่แข่งนั้นแกร่งกว่ามากจริงๆ ส่วนครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตรียมทีมก่อนลุยซีเกมส์ ที่พม่า ปลายปีนี้ไปเลย
ซึ่ง “เนปิดอว์เกมส์” ครั้งนี้มี 5 ทีมส่งแข่งขันประเภทหญิง แข่งแบบพบกันหมด โดยสาวไทยแชมป์ 16 สมัย พบ มาเลเซีย เป็นนัดแรกวันที่ 14 ธันวาคม, พบเวียดนาม วันที่ 15 ธันวาคม, พบ อินโดนีเซีย วันที่ 16 ธันวาคม และ พบ พม่า วันที่ 17 ธันวาคม ก่อนนำทีมอันดับ 1 และ 2 มาชิงชนะเลิศกัน
และแม้จะเป็นเพียงแค่กีฬาแห่งอาเซียน ทว่าสมาคมวอลเลย์บอลไทย ก็ประกาศที่จะส่งผู้เล่นชุดใหญ่ร่วมการแข่งขัน แทนที่จะเป็นผู้เล่นชุดสำรอง เหตุก็เนื่องมาจากคู่แข่งในภูมิภาคนี้ต่างก็อยากจะโค่นแชมป์เอเชียด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะสาวเวียดนามที่ฝีไม้ฝีมือไม่ธรรมดา ประมาทอาจมีน้ำตาตกได้ งานนี้จึงต้องอาศัยตัวเก๋าอย่าง วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, วรรณา บัวแก้ว และ นุศรา ต้อมคำ กลับมาพยุงทีมต่อไป
ผิดกับสมาคมกีฬาที่อุดมไปด้วยดาวรุ่งอย่าง แบดมินตัน ที่ประกาศส่งนักกีฬาดาวรุ่งร่วมการแข่งขัน เริ่มต้นด้วยชายเดี่ยว สัพพัญญู อวิหิงสานนท์, พิสิษฐ์ พูดฉลาด ส่วนหญิงเดี่ยว ณิชชาอร จินดาพล, บุศนันท์ อึ้งบำรุงพันธ์ ขณะที่ชายคู่ มณีพงศ์ จงจิตร กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร และคู่ของ ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม กับ วรรณวัฒน์ อำพันสุวรรณ ด้านหญิงคู่ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กับ พุธิตา สุภจิรกุล, สาวิตรี อมิตรพ่าย กับ ณริฎษาพัชร แลม และคู่ผสม มณีพงศ์ จงจิตร กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร กับ พุธิตา สุภจิรกุล
ส่วนที่ไม่ได้ไปซีเกมส์ อย่าง “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ, “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข, “น้องเมย์”' รัชนก อินทนนท์, พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข รวมถึงประเภทหญิงคู่ ดวงอนงค์ อรุณเกษร กับ กุลชลา วรวิจิตรชัยกุล และ ประเภทคู่ผสม สุดเขต ประภากมล กับ สราลีย์ ทุ่งทองคำ ที่ทั้งหมดมีลุ้นเข้าร่วมการแข่งขันรายการใหญ่อย่าง “ซูเปอร์ซีรีส์ไฟนอล” ซึ่งตรงกับการแข่งขันซีเกมส์ ในเดือนธันวาคม
ถามว่าการส่งนักกีฬาดาวรุ่งไปแข่งขันซีเกมส์แล้วเราจะมีลุ้นเหรียญทองหรือไม่ แน่นอนว่ามีแน่ เนื่องจากผู้เล่นจากชาติในอาเซียนที่เป็นมือดีประจำภูมิภาคนี้ต่างก็มีชื่อมีลุ้นไปลุย “ซูเปอร์ซีรีส์ไฟนอล” ที่มาเลเซียเช่นกัน ถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสแบบเล็กๆ ของทีมนักกีฬาดาวรุ่งชาวไทยไม่น้อย ดังนั้นเราคงเห็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันของทั้งสองสมาคมเป็นอย่างดี
และคงบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูกกับการส่งนักกีฬาดังกรณีทั้งสองนี้ เนื่องจากเป็นความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้...