คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
กีฬาอาชีพกับอาการ “บาดเจ็บ” ของนักกีฬาถือเป็นของคู่กัน อยากเลี่ยงแต่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล การที่ผู้เล่น “สตาร์” ของแต่ละหน่วย (ทีมบุก-ทีมรับ) บาดเจ็บขึ้นมา ย่อมกระทบต่ออนาคตของแฟรนไชส์ได้เลย เนื่องจากฤดูกาลปกติของศึกคนชนคนช่างสั้นนัก มีแค่ 17 สัปดาห์เท่านั้น
อีกแค่ป้ายเดียวก็จะถึงครึ่งทางของ “เรคกูลา ซีซัน” ปรากฏว่ามีดาวเด่นล้มหมอนนอนเสื่อกันไปแล้วหลายคน ย่อมส่งผลกระทบต่อโอกาสก้าวไปถึง “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” หรือแม้แต่ไปตะลุยต่อในเพลย์ออฟ โดยตำแหน่ง “จอมทัพ” ที่ปิดเทอมก่อนใคร หนีไม่พ้น แซม แบร็ดฟอร์ด ซึ่งน่าเสียดาย เนื่องจากอดีตนัมเบอร์วันดราฟต์ ปี 2010 กำลังฟอร์มสวย ขว้างได้ระยะไปแล้ว 1,687 หลา 14 ทัชดาวน์ เสียเพียง 4 อินเทอร์เซปต์ ส่วนทีมรับ “แกะเขาเหล็ก” กำลังไปได้ดีขึ้น ทำให้คู่แข่งเสียฟัมเบิล 10 หน มากสุดอันดับ 2 ร่วมกับ ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส เป็นรองเพียง ชิคาโก แบร์ส แต่อาการบาดเจ็บเอ็นเข่าซ้ายฉีกของ แบร็ดฟอร์ด ทำให้ แรมส์ บอกลาโพสต์ซีซันในทันใด เคลเลน คลีเมนส์ หรือว่า เบรดี ควินน์ ไม่เก่งพอเข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้ ในเมื่อเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ซีฮอว์คส กับ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส แกร่งเกินกระแซะลงมา
ขณะที่ควอเตอร์แบ็กอีกหนึ่งรายที่บาดเจ็บก็คือ เจย์ คัตเลอร์ ต้องพักอย่างน้อย 4 สัปดาห์ จากอาการเจ็บโคนขาหนีบ ทำให้เกมบุกอันดับ 2 ของลีก (เป็นรองแค่ เดนเวอร์ บรองโกส์) ชะงักแน่ ขณะเดียวกันสถานการณ์การต่อสัญญารับทรัพย์ก้อนโต ซึ่งอาจเป็นก้อนสุดท้ายในอาชีพของสตาร์วัย 30 ปี ย่อมเป็นเรื่องที่บอร์ดบริหาร ชิคาโก แบร์ส ต้องฉุกคิดให้ถี่ถ้วนขึ้นด้วย ส่วนในสนาม มาร์ค เทรสท์แมน เฮดโค้ชคงต้องภาวนาให้ จอช แม็คคาวน์ ประคองตัวให้ได้ใน 3 เกมชะตาเจอ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส, ดีทรอยต์ ไลออนส์ สองทีมเพื่อนร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ รวมถึงชน “แชมป์เก่า” บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ถ้าเกิด “พญาหมี” พ่ายเรียบวุธ การที่ คัตเลอร์ คัมแบ็กได้ในเกมชน แรมส์ อาจเข็นทีมไม่ไหว ในเมื่อสถิติจะหล่นไปเป็น 4-6 เกม
ในส่วนของทีมบุก ตำแหน่ง “ปีกนอก” ถือว่าสำคัญยิ่ง เป็นอาวุธคู่กายที่จอมทัพขาดไม่ได้ อย่างกรณี แมตต์ ไรอัน ไม่มีเป้าใหญ่ให้ล็อกอย่าง จูลิโอ โจนส์ ที่เท้าแตก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ จับเข้าบัญชีรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บไปแล้ว ซึ่งถือว่าน่าเสียดายยิ่ง เนื่องจาก โจนส์ ลงสนาม 5 เกม รับบอลไป 41 หน 580 หลา อีกทั้ง ร็อดดี ไวท์ ปีกอีกข้างก็โชคร้ายเจ็บทั้งข้อเท้าและเอ็นเข่า “แมตตีไอซ์” เลยไปไม่เป็น เมื่อเหลือตัวช่วยแค่ แฮร์รี ดักลาส กับ โทนี กอนซาเลซ ปีกในจอมเก๋า ขณะที่ สตีเวน แจ็คสัน ที่ดึงมาหวังเปิดเกมบุกภาคพื้นดิน ก็ดันมาเจ็บแฮมสตริงอีก สถิติชนะ 2 แพ้ 5 เกม จึงบ่งบอกสภาพของ “นกสกปรก” ได้อย่างที่เห็น
ด้านทีมที่มีลุ้นในเพลย์ออฟอย่าง อินเดียนาโปลิส โคลต์ส (สถิติ 5-2) น่าเสียดายที่ เรจจี เวย์น เอ็นเข่าฉีกต้องพักทั้งซีซัน การขาดหายไปของจอมเก๋าวัย 34 ปี ที่รับบอลไปแล้ว 38 ครั้ง 503 หลา ทำให้ แอนดรูว์ ลัก เหลือเป้าเพียง ที.วาย.ฮิลตัน กับ ดาเรียส เฮย์เวิร์ด-เบย์ ซึ่งถ้ามี เวย์น ปีกที่รับบอลได้ระยะมากสุดอันดับ 9 ของประวัติศาสตร์ NFL ช่วงโพสต์ซีซัน รับรองว่า “เกือกม้า” มีสิทธิ์สร้างเซอร์ไพรส์ได้อีกเยอะ ส่วน นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ หนึ่งในเต็งแชมป์ นี่ผ่านมาเกือบครึ่งทาง ทีมบุกทางอากาศขว้างเฉลี่ยแค่เกมละ 209.4 หลา ทอม เบรดี สุดยอดควอเตอร์แบ็กโดนโห่กระหน่ำ ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก ในเมื่อ แดนนี อาเมนโดลา ยังพกพาอาการกระดูกเปราะมาจากเซ็นต์หลุยส์ ไม่รู้ว่าจะเป็นปีกคู่ใจ เบรดี ได้ตลอดรอดฝั่งเหมือนครั้งเคยมี เวส เวลเกอร์ อยู่เคียงข้างหรือไม่ เพราะนั่นบ่งชี้ถึงอนาคตในการขึ้นไปลุ้นแชมป์ของ “นักรบกู้ชาติ” ในซีซันนี้ได้เป็นอย่างดี
กีฬาอาชีพกับอาการ “บาดเจ็บ” ของนักกีฬาถือเป็นของคู่กัน อยากเลี่ยงแต่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล การที่ผู้เล่น “สตาร์” ของแต่ละหน่วย (ทีมบุก-ทีมรับ) บาดเจ็บขึ้นมา ย่อมกระทบต่ออนาคตของแฟรนไชส์ได้เลย เนื่องจากฤดูกาลปกติของศึกคนชนคนช่างสั้นนัก มีแค่ 17 สัปดาห์เท่านั้น
อีกแค่ป้ายเดียวก็จะถึงครึ่งทางของ “เรคกูลา ซีซัน” ปรากฏว่ามีดาวเด่นล้มหมอนนอนเสื่อกันไปแล้วหลายคน ย่อมส่งผลกระทบต่อโอกาสก้าวไปถึง “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” หรือแม้แต่ไปตะลุยต่อในเพลย์ออฟ โดยตำแหน่ง “จอมทัพ” ที่ปิดเทอมก่อนใคร หนีไม่พ้น แซม แบร็ดฟอร์ด ซึ่งน่าเสียดาย เนื่องจากอดีตนัมเบอร์วันดราฟต์ ปี 2010 กำลังฟอร์มสวย ขว้างได้ระยะไปแล้ว 1,687 หลา 14 ทัชดาวน์ เสียเพียง 4 อินเทอร์เซปต์ ส่วนทีมรับ “แกะเขาเหล็ก” กำลังไปได้ดีขึ้น ทำให้คู่แข่งเสียฟัมเบิล 10 หน มากสุดอันดับ 2 ร่วมกับ ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส เป็นรองเพียง ชิคาโก แบร์ส แต่อาการบาดเจ็บเอ็นเข่าซ้ายฉีกของ แบร็ดฟอร์ด ทำให้ แรมส์ บอกลาโพสต์ซีซันในทันใด เคลเลน คลีเมนส์ หรือว่า เบรดี ควินน์ ไม่เก่งพอเข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้ ในเมื่อเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ซีฮอว์คส กับ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส แกร่งเกินกระแซะลงมา
ขณะที่ควอเตอร์แบ็กอีกหนึ่งรายที่บาดเจ็บก็คือ เจย์ คัตเลอร์ ต้องพักอย่างน้อย 4 สัปดาห์ จากอาการเจ็บโคนขาหนีบ ทำให้เกมบุกอันดับ 2 ของลีก (เป็นรองแค่ เดนเวอร์ บรองโกส์) ชะงักแน่ ขณะเดียวกันสถานการณ์การต่อสัญญารับทรัพย์ก้อนโต ซึ่งอาจเป็นก้อนสุดท้ายในอาชีพของสตาร์วัย 30 ปี ย่อมเป็นเรื่องที่บอร์ดบริหาร ชิคาโก แบร์ส ต้องฉุกคิดให้ถี่ถ้วนขึ้นด้วย ส่วนในสนาม มาร์ค เทรสท์แมน เฮดโค้ชคงต้องภาวนาให้ จอช แม็คคาวน์ ประคองตัวให้ได้ใน 3 เกมชะตาเจอ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส, ดีทรอยต์ ไลออนส์ สองทีมเพื่อนร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ รวมถึงชน “แชมป์เก่า” บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ถ้าเกิด “พญาหมี” พ่ายเรียบวุธ การที่ คัตเลอร์ คัมแบ็กได้ในเกมชน แรมส์ อาจเข็นทีมไม่ไหว ในเมื่อสถิติจะหล่นไปเป็น 4-6 เกม
ในส่วนของทีมบุก ตำแหน่ง “ปีกนอก” ถือว่าสำคัญยิ่ง เป็นอาวุธคู่กายที่จอมทัพขาดไม่ได้ อย่างกรณี แมตต์ ไรอัน ไม่มีเป้าใหญ่ให้ล็อกอย่าง จูลิโอ โจนส์ ที่เท้าแตก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ จับเข้าบัญชีรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บไปแล้ว ซึ่งถือว่าน่าเสียดายยิ่ง เนื่องจาก โจนส์ ลงสนาม 5 เกม รับบอลไป 41 หน 580 หลา อีกทั้ง ร็อดดี ไวท์ ปีกอีกข้างก็โชคร้ายเจ็บทั้งข้อเท้าและเอ็นเข่า “แมตตีไอซ์” เลยไปไม่เป็น เมื่อเหลือตัวช่วยแค่ แฮร์รี ดักลาส กับ โทนี กอนซาเลซ ปีกในจอมเก๋า ขณะที่ สตีเวน แจ็คสัน ที่ดึงมาหวังเปิดเกมบุกภาคพื้นดิน ก็ดันมาเจ็บแฮมสตริงอีก สถิติชนะ 2 แพ้ 5 เกม จึงบ่งบอกสภาพของ “นกสกปรก” ได้อย่างที่เห็น
ด้านทีมที่มีลุ้นในเพลย์ออฟอย่าง อินเดียนาโปลิส โคลต์ส (สถิติ 5-2) น่าเสียดายที่ เรจจี เวย์น เอ็นเข่าฉีกต้องพักทั้งซีซัน การขาดหายไปของจอมเก๋าวัย 34 ปี ที่รับบอลไปแล้ว 38 ครั้ง 503 หลา ทำให้ แอนดรูว์ ลัก เหลือเป้าเพียง ที.วาย.ฮิลตัน กับ ดาเรียส เฮย์เวิร์ด-เบย์ ซึ่งถ้ามี เวย์น ปีกที่รับบอลได้ระยะมากสุดอันดับ 9 ของประวัติศาสตร์ NFL ช่วงโพสต์ซีซัน รับรองว่า “เกือกม้า” มีสิทธิ์สร้างเซอร์ไพรส์ได้อีกเยอะ ส่วน นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ หนึ่งในเต็งแชมป์ นี่ผ่านมาเกือบครึ่งทาง ทีมบุกทางอากาศขว้างเฉลี่ยแค่เกมละ 209.4 หลา ทอม เบรดี สุดยอดควอเตอร์แบ็กโดนโห่กระหน่ำ ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก ในเมื่อ แดนนี อาเมนโดลา ยังพกพาอาการกระดูกเปราะมาจากเซ็นต์หลุยส์ ไม่รู้ว่าจะเป็นปีกคู่ใจ เบรดี ได้ตลอดรอดฝั่งเหมือนครั้งเคยมี เวส เวลเกอร์ อยู่เคียงข้างหรือไม่ เพราะนั่นบ่งชี้ถึงอนาคตในการขึ้นไปลุ้นแชมป์ของ “นักรบกู้ชาติ” ในซีซันนี้ได้เป็นอย่างดี
