เอเยนซี - แม้ว่าจะพังพาบคาถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน แบบหักปากกาเซียนต่อ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 0-3 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 แต่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ฤดูกาลนี้ยังถือว่าเป็นหนังที่ต้องดูกันแบบยาวๆ หลังจากซัมเมอร์ที่ผ่านมาเสริมทัพด้วยเม็ดเงินเหยียบ 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,200 ล้านบาท) สร้างขุมกำลังแน่นปึ้กตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้าน ทำให้ออกสตาร์ทมี 13 แต้มจาก 7 นัดตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล แค่ 3 แต้ม อีกทั้งผลงานรวมทุกรายการยังเรียกได้ว่าเข้าตาแบบสุดๆ
สเปอร์ส ค่อยๆ กวาดแข้งใหม่เข้ามาจนถึง 7 ราย ระหว่างการเจรจาขาย แกเร็ธ เบล ให้กับ รีล มาดริด ที่สุดท้ายเคาะด้วยค่าตัวสถิติโลก 86 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,472 ล้านบาท) ดังนั้นบัญชีรายรับ-รายจ่ายจึงไม่มีตัวแดงขึ้นมาให้เสียสายตาเลยแม้แต่น้อย แถมการหายไปของปีกทีมชาติเวลส์ที่ซัดรวมทุกถ้วย 26 ประตูเมื่อปีที่แล้วไม่ได้กระทบกับผลงานซัดรวมทุกรายการ 23 ประตูจาก 12 นัดที่สำคัญคลีนชีตถึง 9 นัดซึ่งจำนวนนี้ชนะทั้งหมด ทั้งที่ปีที่แล้วเตะ 54 นัดไม่เสียประตูแค่ 14 นัดเท่านั้น
แง่ของขุมกำลังเชื่อว่าหลายสโมสรน่าจะอิจฉา สเปอร์ส ไม่น้อย โดยเฉพาะแดนกลางที่ได้ เปาลินโญ ทีมชาติบราซิลดีกรีแชมป์ ฟีฟา คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2013 และ คริสเตียน อิริคเซน เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเดนมาร์ก มี ซานโดร และ มุสซา เดมเบเล คอยเสริมงาน อังเดร บียาส-โบอาส กุนซือหนุ่มชาวโปรตุกีสสามารถผสมผสานได้อย่างลงตัว ทำให้ความแข็งแกร่งริมเส้นไม่ได้ลดประสิทธิภาพลงเลย เกม แคปิตอล วัน คัพ รอบ 3 ที่บุกถล่ม แอสตัน วิลลา 4-0 เปลี่ยนแข้ง 8 คนจากเกมก่อนหน้านี้ที่บุกชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 1-0 ได้มีการวิเคราะห์ออกมารวมแล้วปีนี้ครองบอลเฉลี่ย 62.1 เปอร์เซนต์ (คิดก่อนเกมลีกที่เปิดบ้านเสมอ เชลซี 1-1)
เม็ดเงินที่ สเปอร์ส ทุ่มลงไปจนทำให้ได้ตำแหน่งอันดับ 3 แชมป์นักช็อปซัมเมอร์ที่ผ่านมาต่อจาก รีล มาดริด และ โมนาโก ส่งผลให้เห็นกับเกมรุกที่ดีขึ้นผิดหูผิดตา เนื่องจาก 7 คนที่เข้ามาใหม่นั้นเป็นกองหน้ากับกองกลางถึง 6 ราย จึงสร้างโอกาสยิงใน พรีเมียร์ ลีก (นับก่อนเกมเตะกับ เชลซี) ไป 105 ครั้ง เป็นรองแค่ รีล มาดริด (110 ครั้ง) บาเยิร์น มิวนิก (117 ครั้ง) ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (118 ครั้ง) และ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ (136 ครั้ง)
ปัญหาของ สเปอร์ส ก็คือกองหน้า แม้ระบบ 4-3-3 การมีตัวเลือกหน้าเป้า 3 คนน่าจะเพียงพอ แต่เพราะ 7 นัดในลีกยิงได้แค่ 6 ประตู ซัมเมอร์ที่ผ่านมาได้ โรเบอร์โต โซลดาโด ดีกรีทีมชาติสเปนมาจาก บาเลนเซีย แค่คนเดียวยิงในลีกไป 2 ประตู ขณะที่ เจอร์เมน เดโฟ ยิง 6 ประตู แต่เป็นถ้วยอื่นทั้งหมด ด้าน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ตัวเลือกสุดท้ายอาจพอมีประโยชน์ แต่ต้องพิสูจน์ความมุ่งมั่นให้ได้ก่อนในฐานะตัวสำรองว่าต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะก้าวไปประสบความสำเร็จ
นอกจากกองหน้าทางด้านปีกขวา สเปอร์ส มีตัวเลือกถึง 3 คนรอแค่ อารอน เลนนอน ปีกจรวดร่างเล็กชาวอังกฤษกลับมาก่อนและให้ เอริค ลาเมลา ที่คว้ามาจาก โรมา ปรับตัวได้ อีกคนที่ โบอาส ให้โอกาสก็คือ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ซึ่งก็หน่วยก้านดี ที่น่าเป็นห่วงก็คือเกมรับมีแค่ ไมเคิล ดอว์สัน กับ แยน แฟร์ตองเกน เท่านั้นที่ไว้ใจได้ ขณะที่ตัวใหม่อย่า วลาด คิริเคส นั่งสำรองไปก่อน แบ็กทั้งสองข้างยังอ่อนประสบการณ์เกินไป
ก่อนหน้านี้หลายคนน่าจะมองว่าโปรแกรมต้นฤดูกาลนี้ของ สเปอร์ส ไม่ยากนัก มีเพียง อาร์เซนอล รายเดียวเท่านั้นที่บุกไปพ่ายหวุดหวิด 0-1 จึงมีการตั้งคำถามว่าเกมที่พบกับ เชลซี ใน ไวท์ ฮาร์ท เลน คือด่านสำคัญสุดท้าย โบอาส ก็ผ่านมาได้แถมขึ้นนำไปก่อนต้องให้ลูกทีมของ โชเซ มูรินโญ ไล่ตีเสมอ 1-1 ส่วนเกมแพ้ เวสต์ แฮม คาบ้านนั้นยังมองในแง่ดีว่าเป็นการแพ้เพื่อคลายความกดดันและให้กุนซือ “เอวีบี” ไปแก้ปัญหาเกมรับที่เสียไปถึง 6 ประตู
คำถามสุดท้ายก็คือ ปีนี้ สเปอร์ส พร้อมแล้วหรือยังสำหรับการลุ้นแชมป์ หลังจากฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ 5 ถูก อาร์เซนอล แซงโค้งซิวโควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ไปเพียงแค่แต้มเดียว คำตอบก็คือจะต้องยืนระยะผ่านบททดสอบโปรแกรมหฤโหดช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมเฉกเช่นทุกสโมสรระดับหัวแถวที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชน และให้เวลาแข้งใหม่ปรับตัวรีดศักยภาพที่แท้จริงออกมา เหนืออื่นใดดูเหมือนว่า โบอาส จะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีด้วยขุมกำลังที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ดูเหมือนว่าตอนนี้เป้าหมายตั๋ว ยูซีแอล อาจจะเป็นเพียงแค่ทางผ่านหรือโบนัสเสียแล้ว เพราะทีมใหญ่ระดับ “ไก่เดือยทอง” นั้นห่างหายจากแชมป์มานานแล้วนับตั้งแต่ ลีก คัพ ปี 2008