xs
xsm
sm
md
lg

“มอยส์” เปิดซิงตามรอย “เซอร์”? รับสภาพ “ผี” หมดลุ้นเจ้ายุโรป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มอยส์” ใช้เวลาจูนทีมนานแค่ไหน ?
ASTVผู้จัดการรายวัน - “การเปลี่ยนแปลง ย่อมต้องใช้เวลา” นี่เป็นคำบอกล่าวจากปาก แกรี เนวิลล์ อดีตแบ็กขวากัปตันทีมที่ชี้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องให้เวลา เดวิด มอยส์ เรียนรู้เพื่อปรับปรุงทีมภายใน 3-4 ปี ก่อนมองไกลถึงความสำเร็จ เฉกเช่นที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน งกกับงานอยู่ 4 ซีซัน ถึงได้สัมผัสกับแชมป์แรก (เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาล 1989-90) จากนั้น “ท่านเซอร์” ก็นำเกียรติยศไหลมาเทมาสู่ตู้โชว์ในรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด

แมนฯ ยูไนเต็ด ออกตัวเลวร้ายที่สุดตั้งแต่ปี 1989-90 ลงสนามในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 6 นัด ปราชัยไปแล้ว 3 เกมให้แก่ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล 0-1 เสียท่า แมนเชสเตอร์ ซิตี คู่แข่งร่วมเมือง 1-4 สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พ่ายคาถิ่นหนแรกตั้งแต่ปี 1978 ต่อ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-2 ยิ่งทำให้ความกดดันถลาโถมใส่ เดวิด มอยส์ พร้อมกับเสียงวิจารณ์ “เฟอร์กี” และบอร์ดบริหารคิดถูกหรือคิดผิดที่มอบสัญญายาว 6 ปี ให้มาสืบทายาท “อสูรแดง”

แม้ทั้ง แกรี เนวิลล์ กับ ไมเคิล โอเวน อดีตแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างประสานเสียงเชื่อมั่น มอยส์ คือคนที่ใช่ในการรับไม้ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ แต่ระยะเวลา 3-4 ปี คงนานเกินไปในสายตาของแฟนๆ “ยูไนเต็ด” ที่ดื่มด่ำความสำเร็จไม่เว้นแต่ละซีซันในยุคที่บรมกุนซือชาวสกอตติช (เฟอร์กี) ยังคุมบังเหียนอยู่ ดังนั้น มอยส์ คงไม่มีเวลามากขนาดนั้นในการจูนอะไรให้เข้าที่ กับยุคที่โลกของฟุตบอลมีความแข่งขันกันสูง ทั้งในลีกและเวทียุโรป

สิ่งที่ มอยส์ โดนตำหนิสุดหนีไม่พ้นการเสริมทัพ ช่วงหน้าร้อนใช้เงินไป 27.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.37 พันล้านบาท) ได้มาเพียง มารูยาน เฟลไลนี ถึงวันนี้แข้งลูกรักที่ดึงมาจากต้นสังกัดเก่า เอฟเวอร์ตัน ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับแผงมิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกทั้งระบบการเล่นแบบ “4-4-2” ถูกมองว่าล้าสมัยไปแล้วกับฟุตบอลสมัยใหม่ การหันมาเล่นหน้าคู่ ผลักดันฟอร์มการเล่นของ เวย์น รูนีย์ ขึ้นมาก็จริง แต่ดูเหมือนขุนพลที่มีอยู่ในมือ เป็นมรดกตกทอดมา เหมาะที่จะเดินเครื่องไปในระบบ “4-3-3” มากกว่า นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม มอยส์ ถึงยังไม่เลือกผลาญเงินจาก มัลคอล์ม เกลเซอร์ เจ้าของทีมชาวอเมริกัน แต่ก็ถือเป็นการย่ามใจเกินไป

จากระบบการเล่นที่เป็นอยู่ แข้งที่ “เฟอร์กี” แทบไม่เลือกใช้งานในซีซันที่ผ่านมาอย่าง หลุยส์ นานี, แอชลีย์ ยัง หรือ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เหมือนกลับมาเกิดใหม่ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เหล่านี้คือ ปีกรุ่นโบราณ ตกสมัยไปแล้วกับการทู่ซี้กระชากขึ้นไปให้สุดเส้นหลังแล้วค่อยเปิดเข้ากลาง อีกทั้งการพยายามใช้งาน ชินจิ คากาวะ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่นในการขึ้นเกมริมเส้นฝั่งซ้าย ยิ่งขัดหูขัดตา จึงต้องส่ง อัดนาน ยานูไซจ์ ดาวรุ่งวัย 18 ปี ลงไปตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ทว่าเจ้าหนูเบลเยียมกระดูกยังไม่แข็งพอที่จะช่วย ยูไนเต็ด พลิกเกมได้กับ เวสต์บรอมวิชฯ

ขณะที่แนวรับ เซอร์ อเล็กซ์ มีข่าวมาตลอดว่าอยากได้ “เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ” รายใหม่เข้ามาค้ำยัน ซึ่ง มอยส์ ไม่ทำการบ้านให้ดีพอในการสานภารกิจตรงจุดนี้ ในเมื่อ เนมันยา วิดิช ดูเหมือนเลยจุดสุดยอดของอาชีพไปแล้วเช่นเดียวกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่มีส่วนผิดพลาดกับ 2 ประตูที่เสียไปให้กับ “เดอะ แบ็กกีส์” สำรองอย่าง จอห์นนี อีแวนส์ เกรดบอลยังห่างชั้นกับคำว่าระดับเวิลด์คลาส คริส สมอลลิง มักพกความไม่แน่นอนลงสนามอยู่เนืองๆ ด้าน ฟิล โจนส์ บทบาทกับถูกโยกไปยืนแบ็กขวา หรือ กองกลางตัวตัดเกมเสียเป็นส่วนใหญ่

ซึ่งในคืนวันนี้ (พุธที่ 2 ตุลาคม 2556) แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังระส่ำต้องปรับสภาพไปลุย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สอง เยือน ชัคตาร์ โดเนสท์ค ถึงยูเครน แมตช์นี้ตัวหลักที่ได้พักอย่าง วิดิช, ปาทริซ เอฟรา จะได้คืนแนวรับ เช่นเดียวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่พร้อมจับคู่ รูนีย์ ทะลวงตาข่าย อย่างไรก็ตาม ภารกิจของ มอยส์ ในการกู้ศักดิ์ศรี หาใช่งานที่ง่าย เมื่อ ชัคเตอร์ฯ เป็นขาประจำมีประสบการณ์ใน “ยูซีแอล” ฤดูกาลก่อนก็เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เบียด เชลซี ทีมดังเกาะอังกฤษตกรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว ซีซันนี้ออกตัวบุกอัด รีล โซเซียดัด ถึงสเปน 2-0 ด้วยแกนหลักที่ มีร์เซีย ลูเชสคู กุนซือจอมเก๋าชาวโรมาเนียน ใช้สตาร์บราซิเลียนอย่าง อเล็กซ์ เตเซรา, ดักลาส คอสตา, หลุยส์ อาเดรียโน, ไทสัน หรือ เบอร์นาร์ด คงสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ “ผีแดง” ไม่น้อยเลย

ทั้งนี้ มอยส์ ยอมรับกับสื่อก่อนพาทีมลงสนามทำนองว่า “แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้องการแข้งระดับเวิลด์คลาส 5-6 ราย หากหวังขึ้นครองเจ้ายุโรปดั่ง บาร์เซโลนา หรือ บาเยิร์น มิวนิก” ซึ่งก็มีข่าวตามมาว่า ตระกูล “เกลเซอร์” พร้อมเปิดคลังนำเงิน 50 ล้านปอนด์ (ราว 2.5 พันล้านบาท) ให้กุนซือชาวสกอตติชเสริมทัพปีใหม่นี้ ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมีข่าวกับ อังเดร เอร์เรรา เพลย์เมกเกอร์ชาวสเปน ที่เพิ่งแจ้งเกิดกับ แอธเลติก บิลเบา รวมถึงยังเล็งฉกลูกน้องเก่าอย่าง เลห์ตัน เบนส์ กับ รอสส์ บาร์คลีย์ มาเสริมงาน จึงดูเหมือนว่า “บิ๊กโปรเจกต์” ในการนำ “ผีแดง” สืบสานตำนานความสำเร็จต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ดั่งที่หลายคนวิเคราะห์ไว้จริงๆ
“คากาวะ” เล่นไม่โดนใจนายใหม่
“ผีแดง” พลิกล็อกพ่าย “เวสต์บรอมฯ”
ชัคตาร์ฯ คู่แข่งรายต่อไปผีในเวทียุโรป
กำลังโหลดความคิดเห็น