คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
หลังจากที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังหาความแน่นอนในเกมอุ่นเครื่องให้กับทีมชาติไทยไม่ได้มาแรมเดือน ปล่อยให้ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ กุนซือชุดใหญ่ กับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชชุดซีเกมส์ ออกมาให้ข่าวรายวันว่าจะแบ่งผู้เล่นกันอย่างไร เดินทางวันไหน ใครมีโปรแกรมเจอทีมใด ฯลฯ
จนกระทั่งล่าสุด “ช้างศึกชุดใหญ่” ก็สามารถแบโผ 29 แข้ง ที่จะใช้อุ่นเกือกกับ ทีมชาติบาห์เรน ที่เดินทางมาเก็บตัวที่ประเทศไทยในวันที่ 10 ตุลาคม นี้ ก่อนยกพลบุกไปทำศึกเอเชียน คัพ 2015 รอบคัดเลือก นัด 3 กลุ่มบี เยือน ทีมชาติอิหร่าน ณ สนามอัลซาดี วันที่ 15 ตุลาคม 2556
ซึ่งต้องบอกว่ารายชื่อที่ประกาศมานั้นสร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลไม่ใช่น้อย ไล่ตั้งแต่การไม่มีแข้งที่มีชื่ออยู่ในทีมชุดซีเกมส์ ปลายปีนี้ ติดทัพแม้แต่รายเดียว โดย “โค้ชง้วน” ให้เหตุผลว่าต้องการที่จะแยกทั้ง 2 ชุดออกจากกันไปเลย แต่กระนั้นก็ยังไม่คลายความฉงน และยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้น จนเกิดการตั้งข้อสงสัยจากกองเชียร์ว่า 2 กุนซือดรีมทีมนั้นทับเส้นกันหรือเปล่า
ในส่วนของตัวผู้เล่นดาวรุ่งรายอื่นยังพอเข้าใจ แต่ ทีมชาติไทย ต้องเยือนกรุงเตหะราน โดยไม่มี “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน นี่ต่อให้ชักแม่น้ำทั้ง 5 ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะแบ็กซ้ายเบอร์ 1 ของไทยเวลานี้ เพิ่งรับใช้ต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประลองเชิญกับ เอสเตกัล ที่มีผู้เล่นติดทีมชาติอิหร่านเกือบยกชุดมาแล้ว เหตุไฉนเลยจึงตัดออกไปดื้อๆ และหากกวาดตาไปดูในตำแหน่งเดียวกันผู้เล่นอย่าง กรกช วิริยอุดมศิริ กับ นพพล ปิตะฝ่าย นั้นเทียบรัศมีเจ้าอุ้มไม่ได้เลย
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเคสพ่อค้าแข้งจากสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่พาเหรดติดธงถึง 6 ราย ตั้งแต่ประตูยันกองหน้า มีเพียง นริศ ทวีกุล ที่ซูเปอร์เซฟอุตลุด กับ วสันต์ ฮมแสน ที่พอเป็นอนาคตได้ ที่เหลือก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย ภูริทัต จาริกานนท์ ยังเจ็บอยู่แต่มีชื่อ, ชาตรี ฉิมทะเล ไม่ได้ดีไปกว่า วุฒิชัย ทาทอง หอกจากสุพรรณบุรี เอฟซี เท่าไหร่ และ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ยังมีโทษแบนติดตัวอยู่ 4 นัด!
ย้อนกลับไปสมัยที่ “กระต่ายแก้ว” ยังร่วมวงเสวนากินข้าวกับ เนวิน ชิดชอบ และเหล่าสโมสรสมาชิก เรื่องปฏิรูปไทยลีก ก่อนที่ “ช้างศึก” จะลงประเดิมสนามรายการนี้กับคูเวต แข้งวัย 28 ปีที่ได้โอกาสติดทีมชาติชุดสู้ศึกคิงส์คัพ ที่เชียงใหม่ ถูกเฉดหัวส่งพ้นทีม โดยพ่อบ้านสมาคมฯให้เหตุผลว่าไม่อยากเสียโควตาไปฟรีๆ 1 ที่นั่ง เพราะแม้บรรจุชื่อไปก็ไม่สามารถลงสนามได้ อีกทั้งเป็นโทษแบนระยะยาวจึงส่อปิดเทอมทั้งทัวร์นาเมนต์ จวบจนปัจจุบันที่มีชื่อของ ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสร ไปนั่งแท่นเป็นว่าที่กรรมการบริหารฝั่ง วรวีร์ มะกูดี จึงทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นอานิสงส์ชิ้นแรกก่อนที่โบนัสก้อนใหญ่ระดับ “ชาติ” จะตามมาหรือเปล่า
ขณะที่ผู้เล่นจาก เอสซีจี เมืองทองฯ มีเพียงแค่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงเบอร์ 1 รายเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะรายการไหนขุนพลกิเลนผยองจะนอนมาเกือบครึ่งทีม จึงทำให้ช่วงท้ายซีซันที่กำลังขับเคี่ยวกันแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยจะได้พักเต็มกำลัง ผิดกับ บุรีรัมย์ฯ ที่มีตัวหลักติดถึง 4 คน ทั้ง สุเชาว์ นุชนุ่ม, จักรพันธ์ แก้วพรม, สุรี สุขะ และ ประทุม ชูทอง
อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องเคารพในการตัดสินใจของ “เฮดโค้ช” เป็นใหญ่ หากโค้ชง้วนมั่นใจว่าผู้เล่นชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุดที่จะลงสนามรับใช้ชาติอย่างสมเกียรติ ไม่ใช่มีใครออก “ใบสั่ง” อยู่เบื้องหลัง เพราะรายชื่อที่ออกมานั้นขัดใจเหลือเกิน แทนที่จะร่วมมือกันเฟ้นผู้เล่นที่ดีที่สุดในทุกระดับกลับแบ่งแยกกันทำงาน จากนี้ก็คงต้องไว้ใจและรอดูผลงานในสนามกันต่อไป แต่ระวังนะครับหากผลลัพท์ที่ออกมาไม่เป็นใจ “ศรัทธา” ของแฟนบอลไทยที่ชื่นชอบในตัวอดีตแข้งดรีมทีมอาจจะค่อยๆ หายไปก็เป็นได้ “ทีมชาติไทย” เป็นของคนทั้งชาติ ไม่ใช่ของเล่นของใครคนใดคนหนึ่ง
หลังจากที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังหาความแน่นอนในเกมอุ่นเครื่องให้กับทีมชาติไทยไม่ได้มาแรมเดือน ปล่อยให้ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ กุนซือชุดใหญ่ กับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชชุดซีเกมส์ ออกมาให้ข่าวรายวันว่าจะแบ่งผู้เล่นกันอย่างไร เดินทางวันไหน ใครมีโปรแกรมเจอทีมใด ฯลฯ
จนกระทั่งล่าสุด “ช้างศึกชุดใหญ่” ก็สามารถแบโผ 29 แข้ง ที่จะใช้อุ่นเกือกกับ ทีมชาติบาห์เรน ที่เดินทางมาเก็บตัวที่ประเทศไทยในวันที่ 10 ตุลาคม นี้ ก่อนยกพลบุกไปทำศึกเอเชียน คัพ 2015 รอบคัดเลือก นัด 3 กลุ่มบี เยือน ทีมชาติอิหร่าน ณ สนามอัลซาดี วันที่ 15 ตุลาคม 2556
ซึ่งต้องบอกว่ารายชื่อที่ประกาศมานั้นสร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลไม่ใช่น้อย ไล่ตั้งแต่การไม่มีแข้งที่มีชื่ออยู่ในทีมชุดซีเกมส์ ปลายปีนี้ ติดทัพแม้แต่รายเดียว โดย “โค้ชง้วน” ให้เหตุผลว่าต้องการที่จะแยกทั้ง 2 ชุดออกจากกันไปเลย แต่กระนั้นก็ยังไม่คลายความฉงน และยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้น จนเกิดการตั้งข้อสงสัยจากกองเชียร์ว่า 2 กุนซือดรีมทีมนั้นทับเส้นกันหรือเปล่า
ในส่วนของตัวผู้เล่นดาวรุ่งรายอื่นยังพอเข้าใจ แต่ ทีมชาติไทย ต้องเยือนกรุงเตหะราน โดยไม่มี “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน นี่ต่อให้ชักแม่น้ำทั้ง 5 ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะแบ็กซ้ายเบอร์ 1 ของไทยเวลานี้ เพิ่งรับใช้ต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประลองเชิญกับ เอสเตกัล ที่มีผู้เล่นติดทีมชาติอิหร่านเกือบยกชุดมาแล้ว เหตุไฉนเลยจึงตัดออกไปดื้อๆ และหากกวาดตาไปดูในตำแหน่งเดียวกันผู้เล่นอย่าง กรกช วิริยอุดมศิริ กับ นพพล ปิตะฝ่าย นั้นเทียบรัศมีเจ้าอุ้มไม่ได้เลย
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเคสพ่อค้าแข้งจากสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่พาเหรดติดธงถึง 6 ราย ตั้งแต่ประตูยันกองหน้า มีเพียง นริศ ทวีกุล ที่ซูเปอร์เซฟอุตลุด กับ วสันต์ ฮมแสน ที่พอเป็นอนาคตได้ ที่เหลือก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย ภูริทัต จาริกานนท์ ยังเจ็บอยู่แต่มีชื่อ, ชาตรี ฉิมทะเล ไม่ได้ดีไปกว่า วุฒิชัย ทาทอง หอกจากสุพรรณบุรี เอฟซี เท่าไหร่ และ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ยังมีโทษแบนติดตัวอยู่ 4 นัด!
ย้อนกลับไปสมัยที่ “กระต่ายแก้ว” ยังร่วมวงเสวนากินข้าวกับ เนวิน ชิดชอบ และเหล่าสโมสรสมาชิก เรื่องปฏิรูปไทยลีก ก่อนที่ “ช้างศึก” จะลงประเดิมสนามรายการนี้กับคูเวต แข้งวัย 28 ปีที่ได้โอกาสติดทีมชาติชุดสู้ศึกคิงส์คัพ ที่เชียงใหม่ ถูกเฉดหัวส่งพ้นทีม โดยพ่อบ้านสมาคมฯให้เหตุผลว่าไม่อยากเสียโควตาไปฟรีๆ 1 ที่นั่ง เพราะแม้บรรจุชื่อไปก็ไม่สามารถลงสนามได้ อีกทั้งเป็นโทษแบนระยะยาวจึงส่อปิดเทอมทั้งทัวร์นาเมนต์ จวบจนปัจจุบันที่มีชื่อของ ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสร ไปนั่งแท่นเป็นว่าที่กรรมการบริหารฝั่ง วรวีร์ มะกูดี จึงทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นอานิสงส์ชิ้นแรกก่อนที่โบนัสก้อนใหญ่ระดับ “ชาติ” จะตามมาหรือเปล่า
ขณะที่ผู้เล่นจาก เอสซีจี เมืองทองฯ มีเพียงแค่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงเบอร์ 1 รายเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะรายการไหนขุนพลกิเลนผยองจะนอนมาเกือบครึ่งทีม จึงทำให้ช่วงท้ายซีซันที่กำลังขับเคี่ยวกันแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยจะได้พักเต็มกำลัง ผิดกับ บุรีรัมย์ฯ ที่มีตัวหลักติดถึง 4 คน ทั้ง สุเชาว์ นุชนุ่ม, จักรพันธ์ แก้วพรม, สุรี สุขะ และ ประทุม ชูทอง
อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องเคารพในการตัดสินใจของ “เฮดโค้ช” เป็นใหญ่ หากโค้ชง้วนมั่นใจว่าผู้เล่นชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุดที่จะลงสนามรับใช้ชาติอย่างสมเกียรติ ไม่ใช่มีใครออก “ใบสั่ง” อยู่เบื้องหลัง เพราะรายชื่อที่ออกมานั้นขัดใจเหลือเกิน แทนที่จะร่วมมือกันเฟ้นผู้เล่นที่ดีที่สุดในทุกระดับกลับแบ่งแยกกันทำงาน จากนี้ก็คงต้องไว้ใจและรอดูผลงานในสนามกันต่อไป แต่ระวังนะครับหากผลลัพท์ที่ออกมาไม่เป็นใจ “ศรัทธา” ของแฟนบอลไทยที่ชื่นชอบในตัวอดีตแข้งดรีมทีมอาจจะค่อยๆ หายไปก็เป็นได้ “ทีมชาติไทย” เป็นของคนทั้งชาติ ไม่ใช่ของเล่นของใครคนใดคนหนึ่ง