ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ยืนยันไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ที่เมียนมาร์ แน่นอน ด้าน สันติภาพ อินทรพัฒน์ ที่ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุ แนะเห็นแก่ 14 เหรียญทอง ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของชาติ
จากกรณีที่เจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 11-22 กันยายน 2556 อย่าง เมียนมาร์ ออกมายืนยันว่าจะมอบหมายให้สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย หรือ "เอเอ็มเอฟ" ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การรับรองของสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ หรือ "อิฟมา" เป็นผู้รับรองการแข่งขันกีฬา "มวย" (มวยไทย) ในซีเกมส์ ส่งผลให้ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ที่สวมหมวกอีกใบเป็นประธาน "อิฟมา" ที่ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ต่อไป
โดย ดร.ศักดิ์ชาย กล่าวว่า "ผมยังไม่ได้รับเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ก็ขอให้เชื่อได้เลยว่าผมจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันแน่นอน หากว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนที่ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกไทย บอกว่าผมต้องรับผิดชอบกับ 14 เหรียญทองที่หายไปของกีฬามวยนั้น คงรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่ความผิดของผม และเชื่อว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เรื่องอะไรผมจะส่งนักกีฬาไปแข่งขันในรายการที่ไม่ผ่านการรับรองจากระดับสากลเลย"
"การที่ พล.ต.จารึก กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เป็นเรื่องภายในคณะมนตรีซีเกมส์ ไม่ได้ขึ้นตรงต่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากลนั้นผมว่ามันผิดทีเดียว ผมคงรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้" นายกสมาคมมวยไทยฯ กล่าว
ขณะที่นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าต่อคำถามของผู้สื่อข่าวว่า "ผมอยากแนะนำให้คุณศักดิ์ชาย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันซีเกมส์ เนื่องจากเท่าที่มองดูศักยภาพนักกีฬาที่เข้าร่วมแล้ว เวียดนาม ดูจะเหนือกว่าชาติอื่นๆ รองลงมาเป็น เมียนมาร์, ลาว หากว่าส่งนักกีฬาเชื่อได้เลยว่าจากทั้งหมด 14 เหรียญทอง อย่างน้อยๆ เราน่าจะได้มาเกินครึ่งแน่ๆ"
พร้อมกันนี้ประธาน "เอเอ็มเอฟ" ยังยืนยันด้วยว่าตนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้แต่อย่างใด "ตอนนี้ เอเอ็มเอฟ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแข่งขันซีเกมส์โดยตรง เพราะผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้มวยไทยอดไปซีเกมส์ ซึ่งขณะนี้เป็นหน้าที่ของ สหพันธ์มวยไทยแห่งอาเซียน หรือ เอสอีเอเอ็มเอฟ ที่อยู่ภายใต้ เอเอ็มเอฟ อีกทีและส่วนตัวผมเองก็ได้ขอถอนตัวจากเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว แต่พอรู้มาว่ามีคนไทยบางกลุ่มที่สวมรอยเข้าไปหาผลประโยชน์ต่อ"