คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
หลังจากครองตำแหน่งแชมป์รายการโปรโมทมวยไทยโกอินเตอร์มาหลายปี ท่ามกลางเสียงครหาของแฟนมวยไทยหลายคน มาปีนี้ “ไทยไฟต์” ก็ยิ่งโดนท้าทายจากรายการใหม่ที่จัดได้อลังการไม่แพ้กัน รวมทั้งการจัดคู่มวยที่ว่ากันว่า “ถูกคู่” กว่าเป็นไหนๆ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา “ไทยไฟต์” ก็พยายามเรียกคะแนนคืนด้วยการยกนักมวยชุดใหญ่ลงไปสร้างความสุขให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงปัตตานี แถมงานนี้ได้ “เดอะปั๋ง” ประกาศิต โบสุวรรณ ช่วยมาเป็นพิธีกรสร้างสีสันเพิ่มขึ้นอีก
มวยในรายการก็จัดเต็มทั้ง ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง, สุดสาคร ส.กลิ่นมี รวมทั้งคู่พี่น้องที่ “ไทยไฟต์” ปั้นเต็มที่หวังขยายฐานแฟนมวยไทยไปอีกหลายกลุ่มอย่าง อองตวน และ ลีโอ ปินโต ซึ่งภาพรวมนักมวยฝ่ายไทยทุกคนก็ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวังเดินหน้าโชว์ลีลาแบบจัดเต็มไล่ถลุงเอาชนะต่างชาติไปแบบสะใจทุกคู่ไม่มีพลิก
แต่ “ไทยไฟต์” ก็ยังไม่พ้นเสียงบ่นจากแฟนมวยอยู่ดี เพราะสภาพของนักมวยต่างชาติแต่ละรายที่ขึ้นเวทีมานั้นมาให้นักมวยไทยไล่ต้อนแท้ๆ เลย คือห่างชั้นกันมากจนดูไม่สนุก ดูแล้วน่าขันปนสงสารมากกว่า ส่วนนักมวยฝ่าย “ไทยไฟต์” แต่ละคนก็โชว์กันสุดฤทธิ์ สุดหล่ออย่าง อองตวน ปินโต มีการหันมาทำท่าสะใจกับคนดูในขณะเด้งตีเข่าใส่คู่ต่อสู้อยู่ด้วย หรือยอดมวยสร้างอย่าง สุดสาคร ส.กลิ่นมี ก็เล่นกับคนดูตลอด คู่ชกก็เน้นลีลากวนโอ๊ยมากกว่าจะตั้งใจชกมีแต่อรรถรส แบบนี้ถึงได้ตกเป็นเป้าวิจารณ์ของแฟนมวยจำนวนไม่น้อยที่อยากดูมวยจริงๆ
นอกจากนั้นก็ยังมีสไตล์การเอาเปรียบคู่ชกแบบที่นักมวยไทยมักจะติดนิสัยกันอีกด้วย สุดสาคร ไล่ยำคู่ชกจนหัวเลยเชือกออกไปนอกเวทีและหันหลังให้แล้ว ยังต่อยท้ายทอยไปที อีกยกก็มีแถมศอกใส่ศีรษะด้านหลังจนแตก อันนี้ผมว่าต่อให้ไม่ผิดกติกา ก็เสียหายนะครับ น้ำใจนักกีฬา ความเป็นลูกผู้ชายนักสู้ มันหายไปไหนหมด ฝีมือก็เหนือกว่า ยังจะเอาเปรียบเขาอีก อองตวน ก็เน้นแต่ลูกหักลูกทุ่ม ดูแล้วยิ่งไม่สนุกเข้าไปใหญ่
พูดกันจริงๆ “ไทยไฟต์” ตอนนี้ดูไม่เหมือนรายการชกมวยแล้ว ดังที่แฟนมวยวิจารณ์เอาไว้ ตอนนี้ขาดแต่สร้างดราม่าให้มีฝ่ายธรรมะกับอธรรมแบบชัดเจน (จริงๆ ก็ฝ่ายไทยกับต่างชาติอยู่แล้ว) รวมทั้งการให้นักมวยมีบทพูดเพื่อโปรโมทตัวเอง หรือสร้างสีสันให้มีความขัดแย้งต่างๆ เพิ่มขึ้น ก็แทบจะกลายสภาพเป็นมวยปล้ำไปโดยสมบูรณ์แบบเลย ทุกวันนี้นักมวยก็เล่นกับกล้องและมองกล้องมากกว่ามองคู่ชกอยู่แล้ว
“ไทยไฟต์” กำลังถูกท้าทายจากรายการมวยไทยปะทะต่างชาติจากหลายๆ รายการ แต่ถ้ายังเน้นด้านอลังการงานสร้าง และเน้นที่ภาพอย่างเดียว โดยไม่เน้นสิ่งที่แฟนมวยจริงๆ อยากเห็น คือการต่อสู้กันแบบมวยไทยที่สมศักดิ์ศรีแล้ว ผมว่าก็น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นขาลงไปเรื่อยๆ จากที่ลงมาระดับหนึ่งแล้วนะครับ
หลังจากครองตำแหน่งแชมป์รายการโปรโมทมวยไทยโกอินเตอร์มาหลายปี ท่ามกลางเสียงครหาของแฟนมวยไทยหลายคน มาปีนี้ “ไทยไฟต์” ก็ยิ่งโดนท้าทายจากรายการใหม่ที่จัดได้อลังการไม่แพ้กัน รวมทั้งการจัดคู่มวยที่ว่ากันว่า “ถูกคู่” กว่าเป็นไหนๆ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา “ไทยไฟต์” ก็พยายามเรียกคะแนนคืนด้วยการยกนักมวยชุดใหญ่ลงไปสร้างความสุขให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงปัตตานี แถมงานนี้ได้ “เดอะปั๋ง” ประกาศิต โบสุวรรณ ช่วยมาเป็นพิธีกรสร้างสีสันเพิ่มขึ้นอีก
มวยในรายการก็จัดเต็มทั้ง ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง, สุดสาคร ส.กลิ่นมี รวมทั้งคู่พี่น้องที่ “ไทยไฟต์” ปั้นเต็มที่หวังขยายฐานแฟนมวยไทยไปอีกหลายกลุ่มอย่าง อองตวน และ ลีโอ ปินโต ซึ่งภาพรวมนักมวยฝ่ายไทยทุกคนก็ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวังเดินหน้าโชว์ลีลาแบบจัดเต็มไล่ถลุงเอาชนะต่างชาติไปแบบสะใจทุกคู่ไม่มีพลิก
แต่ “ไทยไฟต์” ก็ยังไม่พ้นเสียงบ่นจากแฟนมวยอยู่ดี เพราะสภาพของนักมวยต่างชาติแต่ละรายที่ขึ้นเวทีมานั้นมาให้นักมวยไทยไล่ต้อนแท้ๆ เลย คือห่างชั้นกันมากจนดูไม่สนุก ดูแล้วน่าขันปนสงสารมากกว่า ส่วนนักมวยฝ่าย “ไทยไฟต์” แต่ละคนก็โชว์กันสุดฤทธิ์ สุดหล่ออย่าง อองตวน ปินโต มีการหันมาทำท่าสะใจกับคนดูในขณะเด้งตีเข่าใส่คู่ต่อสู้อยู่ด้วย หรือยอดมวยสร้างอย่าง สุดสาคร ส.กลิ่นมี ก็เล่นกับคนดูตลอด คู่ชกก็เน้นลีลากวนโอ๊ยมากกว่าจะตั้งใจชกมีแต่อรรถรส แบบนี้ถึงได้ตกเป็นเป้าวิจารณ์ของแฟนมวยจำนวนไม่น้อยที่อยากดูมวยจริงๆ
นอกจากนั้นก็ยังมีสไตล์การเอาเปรียบคู่ชกแบบที่นักมวยไทยมักจะติดนิสัยกันอีกด้วย สุดสาคร ไล่ยำคู่ชกจนหัวเลยเชือกออกไปนอกเวทีและหันหลังให้แล้ว ยังต่อยท้ายทอยไปที อีกยกก็มีแถมศอกใส่ศีรษะด้านหลังจนแตก อันนี้ผมว่าต่อให้ไม่ผิดกติกา ก็เสียหายนะครับ น้ำใจนักกีฬา ความเป็นลูกผู้ชายนักสู้ มันหายไปไหนหมด ฝีมือก็เหนือกว่า ยังจะเอาเปรียบเขาอีก อองตวน ก็เน้นแต่ลูกหักลูกทุ่ม ดูแล้วยิ่งไม่สนุกเข้าไปใหญ่
พูดกันจริงๆ “ไทยไฟต์” ตอนนี้ดูไม่เหมือนรายการชกมวยแล้ว ดังที่แฟนมวยวิจารณ์เอาไว้ ตอนนี้ขาดแต่สร้างดราม่าให้มีฝ่ายธรรมะกับอธรรมแบบชัดเจน (จริงๆ ก็ฝ่ายไทยกับต่างชาติอยู่แล้ว) รวมทั้งการให้นักมวยมีบทพูดเพื่อโปรโมทตัวเอง หรือสร้างสีสันให้มีความขัดแย้งต่างๆ เพิ่มขึ้น ก็แทบจะกลายสภาพเป็นมวยปล้ำไปโดยสมบูรณ์แบบเลย ทุกวันนี้นักมวยก็เล่นกับกล้องและมองกล้องมากกว่ามองคู่ชกอยู่แล้ว
“ไทยไฟต์” กำลังถูกท้าทายจากรายการมวยไทยปะทะต่างชาติจากหลายๆ รายการ แต่ถ้ายังเน้นด้านอลังการงานสร้าง และเน้นที่ภาพอย่างเดียว โดยไม่เน้นสิ่งที่แฟนมวยจริงๆ อยากเห็น คือการต่อสู้กันแบบมวยไทยที่สมศักดิ์ศรีแล้ว ผมว่าก็น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นขาลงไปเรื่อยๆ จากที่ลงมาระดับหนึ่งแล้วนะครับ