คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
เมื่อพูดถึงบรรดาสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกคงต้องมีชื่อของ เรอัล มาดริด ร่วมอยู่ลำดับต้นๆ โดยจากงานวิจัยของ เดอล้อยท์ ( Deloitte ) บริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ของโลก สัญชาติอังกฤษ นั้น ตอนนี้ ลอส บลังโกส ( Los Blancos ) หรือ เหล่านักเตะชุดขาว สโมสรที่ไม่เคยตกชั้นของสเปนมีมูลค่า 3.3 พันล้าน ยูโร นั่นปาเข้าไปเป็น แสนล้านบาท แล้ว และรายรับในฤดูกาล 2011-12 นั้นก็อยู่ที่ 512.6 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ก็มาจากการขายเสื้อทีมถึง 1.5 ล้านตัว น่าจะเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสโมสรดังอื่นๆ
ถ้าหันไปดูในประเทศฝรั่งเศส โอแล็งปิ๊ก เดอ มารแซ็ย ( Olympique de Marseille ) เคยครองแช้มพ์ยอดขายเสื้อทีมมาตลอดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ทว่าล่าสุดตัวเลขยอดขายเสื้อของฤดูกาล 2012-13 โอแอ็ม ( OM ) ต้องร่วงจากบัลลังก์ ปล่อยให้ ปารี แซ็ง แชรแม็ง ( Paris Saint-Germain ) คู่ปรปักษ์ตลอดกาลของตนเองขึ้นแท่นผู้นำแทน โดยทีมแห่งนครหลวงฝรั่งเศส ดินแดนแห่งผู้นำด้านน้ำหอม เครื่องสำอาง และแฟ็ชเชิ่น ทำยอดขายเสื้อสโมสรได้ถึง 4 แสนตัว อันนี้ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนร่วม 60 เพอร์เซ็นท์
ตัวเลขที่ผมกล่าวอ้างมานั้น มารแซ็ย ก็เคยทำได้เท่ากันในฤดูกาล 2010-11 ซึ่งเป็นตอนที่พวกเขาเพิ่งผงาดขึ้นคว้าแช้มพ์ ลีก เอิง ลีกสูงสุดของประเทศเป็นสมัยที่ 9 ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ปีล่าสุด ยอดขายตกลงไปที่ประมาณ 3 แสนตัวเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญที่เอื้ออำนวยให้เสื้อทีมของ เปแอสเช ( PSG ) ขายดิบขายดีนั้นก็ด้วยการมาของ เดวิด เบ็คแค่ม ( David Beckham ) เพราะหลังจากที่ สลาตัน อิบบราฮิมโมวิช ( Zlatan Ibrahimovic ) ดาวยิง กัปตันทีมชาติสวีเดน ย้ายมาตอนต้นฤดูกาล 2012-13 และทำให้ยอดขายดีขึ้นอยู่แล้ว แต่ถัดมาเพียงครึ่งปี เมิ่อได้ เบ็คแค่ม มาร่วมทีม เสื้อหมายเลข 32 ของหมอนี่ยิ่งฉุดยอดขายเสื้อทีมพุ่งขึ้นแซงหน้าใครต่อใคร กลายเป็นเสื้อขายดีอันดับหนึ่งทันที
สำหรับฤดูกาล 2013-14 นี้ เปแอสเช ได้ เอดินซอน กาบานี่ ( Edinson Cavani ) กองหน้าตัวใหม่ ชาวอูรูกวัย จาก นาโปลี มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 63.3 ล้าน ยูโร ซึ่งทางสโมสรคาดว่า เสื้อหมายเลข 9 ของนักเตะวัย 26 ปีนี้จะเป็นตัวดึงยอดขายให้สูงขึ้นอีก 30 เพอร์เซ็นท์ คือหวังว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 5.2 แสนตัว อันนี้ผมขอกระซิบไว้นิดนะครับว่า เสื้อทีมนั้นเขาขายกันระหว่าง 85-110 ยูโร ก็ประมาณตัวละ 3-4 พันบาท ลองเอา 43 มาคูณดูก็คงจะทราบว่า รายได้รวมจะเป็นเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนชุดแข่งของ เปแอสเช คือ นายกี้ ( Nike ) นั้น มีสัญญาจนถึงเดือนมิถุนายน 2014 และพร้อมที่จะต่อสัญญาออกไปโดยเสนอเงินเพิ่มขึ้นไม่น้อยคือ จากเดิม 6.5 ล้าน ยูโร เป็น 16.5 ล้าน ยูโร แต่ผู้บริหารของ เปแอสเช มองว่า ตอนนี้โฉมหน้าของทีมได้เปลี่ยนไปแล้ว มูลค่าของสัญญามันก็ต้องขึ้นไปแตะหลัก 30 กว่าล้าน ยูโร เป็นอย่างน้อย ซึ่งอันนี้เป็นตัวเลขที่ นายกี้ จ่ายให้กับสโมสรยักษ์ของโลกอย่าง แมนเชสเต้อร์ ยูนายเถ็ด บารเซโลน่า และ ยูเวนตุส
สำหรับเสื้อสโมสรของไทยนั้น ผมขอยกตัวอย่าง ชลบุรี เอฟซี ที่ นายกี้ ผลิตให้ ขายในราคา 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับการใส่เบอร์ใส่ชื่อมากน้อยขนาดไหน ในฤดูกาล 2013 ที่ผ่านไปประมาณ 2 ใน 3 เหลืออีกราว 10 นัด ฉลามชล ขายได้ผ่านหลัก 1.5 หมื่นตัว เขาบอกว่า มันน้อยก็เพราะของปลอมเยอะเหลือเกินครับ ส่วนที่ขายถล่มทลายคือ เสื้อทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นับจากต้นฤดูกาลจนถึงวันนี้ ปราสาทสายฟ้า ขายเสื้อได้เกินหลัก 1.8 แสนตัวไปแล้ว ราคาขายอยู่ระหว่าง 440-500 บาท ได้ยินได้ฟังอย่างนี้ ชื่นใจสโมสรไทยนะครับ เกือบครึ่งของ เปแอสเช เชียว
เมื่อพูดถึงบรรดาสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกคงต้องมีชื่อของ เรอัล มาดริด ร่วมอยู่ลำดับต้นๆ โดยจากงานวิจัยของ เดอล้อยท์ ( Deloitte ) บริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ของโลก สัญชาติอังกฤษ นั้น ตอนนี้ ลอส บลังโกส ( Los Blancos ) หรือ เหล่านักเตะชุดขาว สโมสรที่ไม่เคยตกชั้นของสเปนมีมูลค่า 3.3 พันล้าน ยูโร นั่นปาเข้าไปเป็น แสนล้านบาท แล้ว และรายรับในฤดูกาล 2011-12 นั้นก็อยู่ที่ 512.6 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ก็มาจากการขายเสื้อทีมถึง 1.5 ล้านตัว น่าจะเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสโมสรดังอื่นๆ
ถ้าหันไปดูในประเทศฝรั่งเศส โอแล็งปิ๊ก เดอ มารแซ็ย ( Olympique de Marseille ) เคยครองแช้มพ์ยอดขายเสื้อทีมมาตลอดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ทว่าล่าสุดตัวเลขยอดขายเสื้อของฤดูกาล 2012-13 โอแอ็ม ( OM ) ต้องร่วงจากบัลลังก์ ปล่อยให้ ปารี แซ็ง แชรแม็ง ( Paris Saint-Germain ) คู่ปรปักษ์ตลอดกาลของตนเองขึ้นแท่นผู้นำแทน โดยทีมแห่งนครหลวงฝรั่งเศส ดินแดนแห่งผู้นำด้านน้ำหอม เครื่องสำอาง และแฟ็ชเชิ่น ทำยอดขายเสื้อสโมสรได้ถึง 4 แสนตัว อันนี้ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนร่วม 60 เพอร์เซ็นท์
ตัวเลขที่ผมกล่าวอ้างมานั้น มารแซ็ย ก็เคยทำได้เท่ากันในฤดูกาล 2010-11 ซึ่งเป็นตอนที่พวกเขาเพิ่งผงาดขึ้นคว้าแช้มพ์ ลีก เอิง ลีกสูงสุดของประเทศเป็นสมัยที่ 9 ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ปีล่าสุด ยอดขายตกลงไปที่ประมาณ 3 แสนตัวเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญที่เอื้ออำนวยให้เสื้อทีมของ เปแอสเช ( PSG ) ขายดิบขายดีนั้นก็ด้วยการมาของ เดวิด เบ็คแค่ม ( David Beckham ) เพราะหลังจากที่ สลาตัน อิบบราฮิมโมวิช ( Zlatan Ibrahimovic ) ดาวยิง กัปตันทีมชาติสวีเดน ย้ายมาตอนต้นฤดูกาล 2012-13 และทำให้ยอดขายดีขึ้นอยู่แล้ว แต่ถัดมาเพียงครึ่งปี เมิ่อได้ เบ็คแค่ม มาร่วมทีม เสื้อหมายเลข 32 ของหมอนี่ยิ่งฉุดยอดขายเสื้อทีมพุ่งขึ้นแซงหน้าใครต่อใคร กลายเป็นเสื้อขายดีอันดับหนึ่งทันที
สำหรับฤดูกาล 2013-14 นี้ เปแอสเช ได้ เอดินซอน กาบานี่ ( Edinson Cavani ) กองหน้าตัวใหม่ ชาวอูรูกวัย จาก นาโปลี มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 63.3 ล้าน ยูโร ซึ่งทางสโมสรคาดว่า เสื้อหมายเลข 9 ของนักเตะวัย 26 ปีนี้จะเป็นตัวดึงยอดขายให้สูงขึ้นอีก 30 เพอร์เซ็นท์ คือหวังว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 5.2 แสนตัว อันนี้ผมขอกระซิบไว้นิดนะครับว่า เสื้อทีมนั้นเขาขายกันระหว่าง 85-110 ยูโร ก็ประมาณตัวละ 3-4 พันบาท ลองเอา 43 มาคูณดูก็คงจะทราบว่า รายได้รวมจะเป็นเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนชุดแข่งของ เปแอสเช คือ นายกี้ ( Nike ) นั้น มีสัญญาจนถึงเดือนมิถุนายน 2014 และพร้อมที่จะต่อสัญญาออกไปโดยเสนอเงินเพิ่มขึ้นไม่น้อยคือ จากเดิม 6.5 ล้าน ยูโร เป็น 16.5 ล้าน ยูโร แต่ผู้บริหารของ เปแอสเช มองว่า ตอนนี้โฉมหน้าของทีมได้เปลี่ยนไปแล้ว มูลค่าของสัญญามันก็ต้องขึ้นไปแตะหลัก 30 กว่าล้าน ยูโร เป็นอย่างน้อย ซึ่งอันนี้เป็นตัวเลขที่ นายกี้ จ่ายให้กับสโมสรยักษ์ของโลกอย่าง แมนเชสเต้อร์ ยูนายเถ็ด บารเซโลน่า และ ยูเวนตุส
สำหรับเสื้อสโมสรของไทยนั้น ผมขอยกตัวอย่าง ชลบุรี เอฟซี ที่ นายกี้ ผลิตให้ ขายในราคา 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับการใส่เบอร์ใส่ชื่อมากน้อยขนาดไหน ในฤดูกาล 2013 ที่ผ่านไปประมาณ 2 ใน 3 เหลืออีกราว 10 นัด ฉลามชล ขายได้ผ่านหลัก 1.5 หมื่นตัว เขาบอกว่า มันน้อยก็เพราะของปลอมเยอะเหลือเกินครับ ส่วนที่ขายถล่มทลายคือ เสื้อทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นับจากต้นฤดูกาลจนถึงวันนี้ ปราสาทสายฟ้า ขายเสื้อได้เกินหลัก 1.8 แสนตัวไปแล้ว ราคาขายอยู่ระหว่าง 440-500 บาท ได้ยินได้ฟังอย่างนี้ ชื่นใจสโมสรไทยนะครับ เกือบครึ่งของ เปแอสเช เชียว