เอเยนซี - ฤกษ์งามยามดีศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-14 จะเปิดฉากวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมนี้ ทว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา หลายสโมสร โดยเฉพาะบรรดาหัวแถวยังตกแต่งทัพไม่ลงตัวด้วยปัญหาหลายประการที่รุมเร้า แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือต้องเสียเวลารับมือศึกภายใน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบกับภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แชมป์เก่า” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือสโมสรแรกที่ต้องพูดถึง เพราะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่รอบ 26 ฤดูกาลกับตำแหน่งกุนซือที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งไม้ต่อให้กับ เดวิด มอยส์ แต่ ณ ตอนนี้สิ่งที่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ปรับโฉมไปมีเพียงสตาฟฟ์ที่ถูกดึงเข้ามาจาก เอฟเวอร์ตัน นำโดย ฟิล เนวิลล์ อดีตแนวรับทีมชาติอังกฤษที่ประกาศแขวนสตั๊ดผันตัวเองเป็นโค้ช นอกนั้นยังไม่ได้นักเตะเป็นตัวเป็นตน มีเพียง วิลฟรีด ซาฮา ปีกดาวรุ่ง ที่เซ็นสัญญาล่วงหน้าจาก คริสตัล พาเลซ เมื่อช่วงต้นปี 2013 ก่อนปล่อยให้ยืมตัวและมีส่วนพาเลื่อนชั้น
โดย มอยส์ มัวแต่เสียเวลากับการกล่อม รูนีย์ ดาวยิงหมายเลข 10 ให้เปลี่ยนใจสวมเสื้อ แมนฯยู ต่อไป หลังออกมาขอย้ายเมื่อปลายฤดูกาลที่แล้ว ถือเป็นหนที่ 2 ต่อจากปี 2010 แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะรุนแรงกว่า เพราะแข้งวัย 27 ปีไม่ต้องการเป็นพระรองต่อจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี หอกเลือดดัตช์ที่ซัด 26 ปี ซิวรองเท้าทองคำจนมีส่วนพา “ผีแดง” ซิวแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ซึ่งสาวก “เรด เดวิลส์” ดูจะไม่พอใจอดีตเด็กปั้น เอฟเวอร์ตัน อย่างมาก และเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะย้ำจุดยืนเดิมไม่เหมือน 3 ปีก่อนที่พลิกลิ้นต่อสัญญาใหม่ฟันค่าเหนื่อยก้อนโต
จุดนี้เองทำให้ แมนฯยู มีผลงานช่วงปรีซีซันไม่ดีแพ้ 3 เสมอ 2 นัด แม้ล่าสุดจะชนะ วีแกน แอธเลติก 2-0 คว้าถาดแชมป์ เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ เอาฤกษ์เอาชัย 2-0 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม มอยส์ ใช้ระบบหน้าเป้าคือ ฟาน เพอร์ซี ขณะที่ แดนนี เวลเบ็ค ไม่มีตำแหน่งแน่นอนบางครั้ง ถูกถ่างไปริมเส้น ทำให้ตอนนี้ต้องรอพึ่ง ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ คนเดียว แต่ก็อาจจะในฐานะซูเปอร์ซับ แม้ว่า รูนีย์ จะอยู่กับทีมต่อไปก็ต้องขึ้นอยู่กับสปิริตยามลงสนามว่าทุ่มเต็มร้อยหรือไม่ ทางออกเดียวถ้าไม่ขายให้ เชลซี ก็ต้องปรับมาเล่น 4-4-2 และ มอยส์ ต้องซื้อใจนักเตะให้ได้
ตำแหน่งที่ต้องเสริมของ แมนฯยู ก็คือกองกลางที่ถือเป็นจุดบอดมานานมีเพียง ไมเคิล คาร์ริค คนเดียวปัจจุบันอายุก็ 32 ปี ฤดูกาลที่แล้วลงเล่นทุกรายการรวมไป 44 นัด โดยมี ฟิล โจนส์, ทอม เคลเวอร์ลีย์ และ อันแดร์สัน ช่วยไล่บอล ซึ่งซัมเมอร์นี้ถูกแข้งบอกปัดหลายราย นำโดย เชส ฟาเบรกาส และ ติอาโก อัลคานทารา โดยเป้าหมายของ แมนฯยู ก็คือแชมป์ยุโรป ขณะที่ลีกก็ต้องอยู่ในวงโคจรจนถึงนัดท้ายๆ ส่วนบอลถ้วยถ้ามีติดมือก็ดี เพราะห่างหายมานาน เอฟเอ คัพ ได้แชมป์หนสุดท้ายปี 2004 และ ลีก คัพ ปี 2010 โดยจะเปิดหัวบุกไปเยือน สวอนซี ซิตี วันเสาร์ที่ 17 ส.ค.นี้
ตามด้วย ลิเวอร์พูล หลัง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้รับโอกาสนั่งแท่นกุนซือลองผิดลองถูก 1 ฤดูกาล ด้วยการจบอันดับ 7 ดังนั้นปีนี้คือของจริงต้องติดท็อปโฟร์ไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่ก็ดันต้องสู้รบตบมือกับ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ที่ต้องการไปเล่นถ้วยยุโรปปีหน้า ทั้งที่ถูกวางไว้เป็นคีย์แมนปีที่แล้วถลุงในลีกไปถึง 23 ประตู ส่วนหนึ่งก็จะเพราะอยากจะหนีหน้าสื่อจากพฤติกรรมฉาวของตนเองไม่ว่าจะเป็นเหยียดผิวและงับแขนคู่แข่ง แม้จะเป็นตัวป่วน แต่ก็ต้องยอมรับในฝีมือว่าสามารถฉีกแผงหลังคู่ต่อสู้เป็นริ้วๆ และเป็นตัวพลิกเกมได้จริง
ลำพังจะพึ่ง ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ และ ฟาบิโอ บอรินี รวมถึง 2 กองหน้าใหม่ ลาโก อัสปาส กับ หลุยส์ อัลแบร์โต คงไม่ตลอดรอดฝั่ง จึงไม่อยากขาย ซัวเรซ ด้วยการตั้งราคาไว้สูงถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,400 ล้านบาท) ซึ่งมีเพียง อาร์เซนอล ที่อยากได้ ขณะที่ รีล มาดริด อาจเซอร์ไพรส์ยื่นขอซื้อก่อนตลาดปิด ถ้า ลิเวอร์พูล รั้งหอกวัย 26 ปีไว้ไม่อยู่หรือไม่ได้ตัวแทน การจะสอดแทรก เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, อาร์เซนอล และ แมนฯยู ขึ้นอันดับ 4 ก็พับใส่ลิ้นชักเอาไว้ได้เลย โดยจะประเดิมเปิด แอนฟิลด์ รับมือ สโต๊ก ซิตี วันเสาร์ที่ 17 ส.ค.
ปิดท้ายด้วย สเปอร์ส ภายใต้การคุมทัพของ อังเดร บียาส-โบอาส กุนซือหนุ่มปีที่แล้วทำเอาไว้ดีเกินคาดถูก อาร์เซนอล เบียดคว้าอันดับ 4 แค่แต้มเดียวเท่านั้น ปีนี้จึงต้องเผชิญกับความกดดันพอสมควร ทำให้ “เอวีบี” ไม่อยากเสีย แกเร็ธ เบล ปีกจรวดทีมชาติเวลส์ ปีที่แล้วซัดถึง 26 ประตูรวมทุกรายการจนซิว 3 รางวัลแข้งและดาวรุ่งยอดเยี่ยจาก 2 สถาบันคือ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ กับ สมาคมนักข่าวอังกฤษ แม้ว่าจะได้ค่าตัวจาก รีล มาดริด เป็นสถิติโลกใหม่ ซึ่งก็ทำให้แข้งวัย 24 ปีอยากย้ายไปเผชิญความท้าทายครั้งใหม่ แต่ก็ถูกเบรกเพราะ ดาเนียล เลวีย์ ประธาน “ไก่เดือยทอง” ที่ถือไพ่เหนือกว่าตรงนักเตะมีสัญญาถึงปี 2016 แต่ก็เสี่ยงไม่น้อยถ้าฟอร์มปีหน้าไม่พีคราคาอาจจะตกฮวบฮาบเลยก็เป็นได้ โดยจะประเดิมด้วยการไปเยือน “น้องใหม่” คริสตัล พาเลซ วันที่ 18 ส.ค.นี้