ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทยอยเดินทางกลับไปหมดแล้ว สำหรับ 4 สโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปที่มาเยือนเมืองไทย ไล่เลี่ยกันช่วงซัมเมอร์นี้อุ่นเครื่องกับ สิงห์ ออล-สตาร์ และทีมชาติไทยชุดเตรียม ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา เรียกได้ว่าถือเป็นประสบการณ์อันเต็มอิ่มสำหรับแฟนบอลและคงสร้างความประทับใจได้ไม่มากก็น้อย แต่ในแง่ของประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลบ้านเราจริงๆ นั้นคือสิ่งที่ต้องกลับมาทบทวนว่าได้ไม่คุ้มเสียหรือไม่
เรียกว่าเป็นปีทองที่คอบอลนอกต่างยิ้มแก้มปริ เมื่อ แมนฯยู, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา ขนซูเปอร์สตาร์บินมาอุ่นแข้งช่วงปรีซีซันที่เมืองไทยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ภายใต้ผู้สนับสนุนหลักอย่าง สิงห์ คอร์เปอเรชัน, สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ส และ ไทยเบฟเวอเรจ (เครื่องดื่มตราช้าง) ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของการตลาดหรือสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งที่ได้ทุ่มเงินเป็นพาร์ทเนอร์กับสโมสรดังเหล่านี้ กระแสตอบรับก็ยอดเยี่ยมแฟนบอลต่างทยอยต่อคิวซื้อตั๋วไปเชียร์ทีมรักและนักเตะขวัญใจจนเกือบเต็มความจุสนามราชมังคลากีฬาสถาน ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา
เริ่มต้นที่ “สิงห์” ซึ่งฉลองครบรอบ 80 ปีบริษัท นำร่องเชิญ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว มาเป็นทีมแรก ซึ่งถือเป็นการมาเยือนไทยในรอบ 12 ปี แต่งานกร่อยพอสมควร เพราะไร้สตาร์ดังอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี, เวย์น รูนีย์ (เจ็บเดินทางกลับก่อน), ชินจิ คากาวะ และ ดาบิด เด เคอา ทำเอาแฟนบอลบ่นอุบแถมไม่ฟิตเต็มร้อย เพราะเป็นเกมแรก สิงห์ ออล-สตาร์ เอาชนะไป 1-0 ผิดกับ เชลซี ของ โชเซ มูรินโญ เพราะนอกจากเอาชนะ 1-0 ยังได้ใจแฟนบอล ด้วยความเป็นกันเองของนักเตะที่เข้าถึงได้มากกว่า
จากนั้นเป็นทีมขวัญใจมหาชนชาวไทยอย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหนุ่มก็กำชับลูกทีมใส่เต็มร้อย และไม่ทำให้ “เดอะ ค็อป” เจ้าถิ่นผิดหวังส่งแข้งตัวจริงนำโดย สตีเวน เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมลงสนามตั้งแต่นาทีแรกและถล่มทีมชาติไทยไป 3-0 เรียกว่าคุ้มค่าตั๋วทุกบาททุกสตางค์ ก่อนปิดท้ายกับ บาร์เซโลนา ที่ส่ง ลิโอเนล เมสซี และ เนย์มาร์ 2 แนวรุกระดับพระกาฬของโลกจับคู่กันลงไปพังประตูชนะทีมของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ขาดลอย 7-1
แม้ภาพรวมเสียงตอบรับจากแฟนบอลชาวไทยจะทำให้ทุกฝ่ายพอใจ เพราะตั๋วขายเกือบหมดเกลี้ยง แถมถามหากันให้พล่าน รวมถึงกิจกรรมกับสปอนเซอร์ทั้งหลายก็มีคนไปกันแน่นขนัด แถมบรรดาทีมดังที่ฤดูกาลนี้พร้อมใจกันมาวัดกระแสสาวกโซนเอเชียกันอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือแมตช์พิเศษเหล่านี้ส่งผลกระทบกับวงการฟุตบอลไทยพอสมควร โดยเฉพาะศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ที่ต้องยกเลิกโปรแกรมแข่ง โดย วิทยา เลาหกุล กุนซือของ ชลบุรี เอฟซี มองว่านักเตะไทยแทบไม่ได้อะไรจากเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาแม้แต่น้อย แถมยังทำให้การเตรียมทีมในไทยลีกเกิดการสะดุด
โดย “โค้ชเฮง” เผยว่า “4 แมตช์ที่ผ่านมา สปอนเซอร์และทีมฟุตบอลได้ประโยชน์กันเต็มๆ ในเรื่องของการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เชื่อว่าคงต้องบินกลับมาอีก แต่สำหรับฟุตบอลไทยแทบไม่ได้อะไรเลย นักเตะทุกคนสู้กับคู่แข่งในสนามไม่ได้ แถมยังกลัวนักเตะนอกไม่กล้าเปิดเกมเข้าใส่ บอกได้ว่าที่ผ่านมาไม่มีเกมใดน่าประทับใจทั้งที่เป็นโอกาสสำคัญที่นักฟุตบอลของเราจะได้เรียนรู้ทักษะจากแข้งต่างประเทศ แต่สุดท้ายทุกคนกลับเล่นเหมือนผ่านไปเฉยๆ”
“นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว แมตช์ที่ผ่านมายังส่งผลเสียมายังทีมฟุตบอลไทยลีก เพราะทำให้การเตรียมทีมของสโมสรต่างๆ เกิดการสะดุด อย่าง ชลบุรี ก็มีนักเตะที่ลงเล่นในนามทีมชาติไทย พอเสร็จภารกิจกลับมาก็มีปัญหาบาดเจ็บจนลงสนามไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นไปแล้วคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็หวังว่านักเตะทีมชาติไทยทุกคนจะได้อะไรกลับไปบ้างก่อนเตรียมทีมสู้ศึก ซีเกมส์ ช่วงปลายปีนี้” โค้ชเฮง กล่าว
ขณะที่แฟนบอลของรายหนึ่งที่เปิดเผยว่าได้ชมเกมนัดพิเศษครบทั้ง 4 นัดกล่าวแสดงความเห็นว่า “ในแง่ของการตลาดแน่นอนว่าประสบความสำเร็จ เพราะแฟนบอลชาวไทยทุกคนอยากเข้ามาชมทีมรักของตัวเองแบบใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่ผลการแข่งขันที่ออกมาต้องยอมรับว่าน่าผิดหวังพอสมควร แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานของบอลไทยยังห่างกับนักบอลนอกอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนอยากดูเกมที่สูสีบ้าง แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากดูทีมยักษ์ใหญ่ แต่เหนืออื่นใดก่อนเกมเราก็ต้องเผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าสู้ไม่ได้จริงๆ จึงดูไปเพื่อความบันเทิงเสียเป็นส่วนใหญ่มากกว่า”
ส่วนในรายของ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธิ์ มิดฟิลด์ร่างเล็กจากค่าย บีอีซี เทโรศาสน ที่ได้ลงดวลเกือกกับ สตีวีจี และ เมสซี มาแล้ว เผยว่า “รู้สึกดีใจที่ได้ประชันแข้งกับทีมดังและได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จากนักเตะระดับโลก แต่ยอมรับว่าศักยภาพของตนและเพื่อนๆ ยังสู้กับทีมเหล่านี้ไม่ได้ แต่มองว่ารูปเกมของทีมชาติไทยนั้นเล่นกันดีขึ้นกว่าเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา พร้อมหวังว่าจะนำสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามทั้งหมดมาพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป”
