คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ทุกวันนี้ ลูกเล็กเด็กแดง วัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือจะเรียกว่าทุกเพศทุกวัยก็ว่าได้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกผ่านทาง “โซเชียลเน็ตเวิร์ก” และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้เราสามารถทราบข่าวสารผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งการที่ติดตามทีมกีฬาขวัญใจใน “เฟซบุ๊ก” หรือ ฟอลโลว์ ฮีโร่ใน “ทวิตเตอร์” ทำให้รับรู้เรื่องราวของพวกเขาได้เร็วกว่าสำนักข่าวเสียอีก
อาทิเช่นกรณี ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เลือกใช้การทวีตบอกกล่าวกับแฟนๆ ว่าตัดสินใจใช้สิทธิ์เป็นฟรีเอเยนต์ ผละ แอลเอ เลเกอร์ส โยกไปเซ็นสัญญาค้ำใน ฮุสตัน ร็อคเกตส์ ก่อนที่ทีมดังแห่งเทกซัสจะมีแถลงอย่างเป็นทางการเวลาต่อมา นี่เป็นข้อดีของการรับทราบข่าวสารได้อย่างทันท่วงที แต่บางทีกระแสต่างๆ ที่ถูกโพสต์ไว้ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผู้อ่านจำเป็นต้องพิจารณาคัดกรอง
อย่างล่าสุด ประเด็นทางสังคมที่กำลังลุกเป็นไฟในสหรัฐฯ เมื่อคณะลูกขุนในมลรัฐฟลอริดาที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด (แต่ไม่มีชาวแอฟริกันอเมริกัน) ได้ตัดสินให้ จอร์จ ซิมเมอร์แมน อาสาสมัครเฝ้าระวังภัยประจำชุมชนวัย 29 ปี เป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งที่ใช้ปืนพกส่วนตัวสังหาร เทรวอน เบนจามิน มาร์ติน วัย 16 ปี ที่ปราศจากอาวุธ ขณะออกมาซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน โดย ซิมเมอร์แมน เห็นว่า มาร์ติน ที่สวมเสื้อผ้าแบบมีฮู้ดเป็นหนุ่มผิวสีที่ตรงกับข้อมูลว่าเป็นชายน่าสงสัย จึงได้ติดตามไป ก่อนมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น ทว่าที่สุดแล้ว อาสาสมัครปืนโหดกลับรอดคุก เพราะอ้างต่อศาลว่าต้องใช้ปืนตามกฎหมายฟลอริดาที่อนุญาตให้ป้องกันตัวได้ตามเหตุจำเป็น
ทันทีที่ ซิมเมอร์แมน เป็นข่าวว่าไม่มีความผิด ความรู้สึกที่ออกมาจากอเมริกันชนผิวสี รู้สึกได้ว่าพวกเขาโดนกฎหมายรังแก โดย สตีเวน จอห์นสัน ปีกนอก บัฟฟาโล บิลล์ส แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ถึงกับทวีตตัดพ้อทำนอง การอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ แค่คุณแข่งกัดสุนัข ก็ต้องสูญสิ้นทุกอย่างเหมือน ไมเคิล วิค แต่ถ้าฆ่าหนุ่มผิวสี หมอนั้นกลับไม่มีความผิด ส่วน เคนดริก เพอร์กินส์ เซ็นเตอร์ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ในวงการยัดห่วง เอ็นบีเอ (NBA) โพสต์สั้นๆ แต่ได้ใจความว่า กระบวนการยุติธรรมของอเมริกันมันน่าตลกสิ้นดี
ข้างต้นเป็นการทวีตเชิงกระทบกระเทียบที่อ่านแล้วก็เจ็บๆ คันๆ ซึ่งมันผิดกับการโพสต์ข้อความของ ร็อดดี ไวท์ ปีกนอก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ที่โกรธเกรี้ยวถึงขนาดให้ คณะลูกขุนชุดดังกล่าวกลับถึงบ้านก็ฆ่าตัวตายตามไปซะ ที่ปล่อยให้หมอนั้นฆ่าเด็กแต่กลับไม่มีความผิด ขณะที่ วิคเตอร์ ครูซ ปีกสตาร์ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ประสานเสียงประมาณว่า ซิมเมอร์แมน ไม่น่ามีชีวิตอยู่ถึงวันที่โดนจับกุมด้วยซ้ำ
ผลพวงจากการทวีตด้วยอารมณ์ ภายหลังทั้ง ครูซ และ ไวท์ ต้องออกมากล่าวขอโทษต่อสาธารณชน โดยในรายของ ครูซ ยอมรับว่าการกระทำของตนเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาเขาต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเยาวชน ไม่ต้องการปลุกกระแสให้เกิดความรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด เพราะสมัยเด็ก ครูซ ต้องเผชิญกับเรื่องราวของความรุนแรงที่รายล้อมตัวเขาที่นิวเจอร์ซีย์
กรณีนี้เป็นที่เข้าใจได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่พอใจกับความอยุติธรรม ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมเราไปแล้ว แต่ทั้ง ครูซ และ ไวท์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้พวกเขากลายเป็นไอดอล เป็นนักกีฬาที่เด็กๆ อยากลอกเลียนแบบ หากเยาวชนคนใดวุฒิภาวะทางความคิดมีไม่เพียงพอ อาจก่อเรื่องไม่คาดฝันก็เป็นได้ ดังนั้นหน้าที่ของ “บุคคลสาธารณะ” นอกจากประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ ความรู้สึกยับยั้งชั่งใจในความคิดที่อยากระบายย่อมต้องมีด้วยนะจะบอกให้
ทุกวันนี้ ลูกเล็กเด็กแดง วัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือจะเรียกว่าทุกเพศทุกวัยก็ว่าได้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกผ่านทาง “โซเชียลเน็ตเวิร์ก” และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้เราสามารถทราบข่าวสารผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งการที่ติดตามทีมกีฬาขวัญใจใน “เฟซบุ๊ก” หรือ ฟอลโลว์ ฮีโร่ใน “ทวิตเตอร์” ทำให้รับรู้เรื่องราวของพวกเขาได้เร็วกว่าสำนักข่าวเสียอีก
อาทิเช่นกรณี ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เลือกใช้การทวีตบอกกล่าวกับแฟนๆ ว่าตัดสินใจใช้สิทธิ์เป็นฟรีเอเยนต์ ผละ แอลเอ เลเกอร์ส โยกไปเซ็นสัญญาค้ำใน ฮุสตัน ร็อคเกตส์ ก่อนที่ทีมดังแห่งเทกซัสจะมีแถลงอย่างเป็นทางการเวลาต่อมา นี่เป็นข้อดีของการรับทราบข่าวสารได้อย่างทันท่วงที แต่บางทีกระแสต่างๆ ที่ถูกโพสต์ไว้ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผู้อ่านจำเป็นต้องพิจารณาคัดกรอง
อย่างล่าสุด ประเด็นทางสังคมที่กำลังลุกเป็นไฟในสหรัฐฯ เมื่อคณะลูกขุนในมลรัฐฟลอริดาที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด (แต่ไม่มีชาวแอฟริกันอเมริกัน) ได้ตัดสินให้ จอร์จ ซิมเมอร์แมน อาสาสมัครเฝ้าระวังภัยประจำชุมชนวัย 29 ปี เป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งที่ใช้ปืนพกส่วนตัวสังหาร เทรวอน เบนจามิน มาร์ติน วัย 16 ปี ที่ปราศจากอาวุธ ขณะออกมาซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน โดย ซิมเมอร์แมน เห็นว่า มาร์ติน ที่สวมเสื้อผ้าแบบมีฮู้ดเป็นหนุ่มผิวสีที่ตรงกับข้อมูลว่าเป็นชายน่าสงสัย จึงได้ติดตามไป ก่อนมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น ทว่าที่สุดแล้ว อาสาสมัครปืนโหดกลับรอดคุก เพราะอ้างต่อศาลว่าต้องใช้ปืนตามกฎหมายฟลอริดาที่อนุญาตให้ป้องกันตัวได้ตามเหตุจำเป็น
ทันทีที่ ซิมเมอร์แมน เป็นข่าวว่าไม่มีความผิด ความรู้สึกที่ออกมาจากอเมริกันชนผิวสี รู้สึกได้ว่าพวกเขาโดนกฎหมายรังแก โดย สตีเวน จอห์นสัน ปีกนอก บัฟฟาโล บิลล์ส แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ถึงกับทวีตตัดพ้อทำนอง การอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ แค่คุณแข่งกัดสุนัข ก็ต้องสูญสิ้นทุกอย่างเหมือน ไมเคิล วิค แต่ถ้าฆ่าหนุ่มผิวสี หมอนั้นกลับไม่มีความผิด ส่วน เคนดริก เพอร์กินส์ เซ็นเตอร์ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ในวงการยัดห่วง เอ็นบีเอ (NBA) โพสต์สั้นๆ แต่ได้ใจความว่า กระบวนการยุติธรรมของอเมริกันมันน่าตลกสิ้นดี
ข้างต้นเป็นการทวีตเชิงกระทบกระเทียบที่อ่านแล้วก็เจ็บๆ คันๆ ซึ่งมันผิดกับการโพสต์ข้อความของ ร็อดดี ไวท์ ปีกนอก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ที่โกรธเกรี้ยวถึงขนาดให้ คณะลูกขุนชุดดังกล่าวกลับถึงบ้านก็ฆ่าตัวตายตามไปซะ ที่ปล่อยให้หมอนั้นฆ่าเด็กแต่กลับไม่มีความผิด ขณะที่ วิคเตอร์ ครูซ ปีกสตาร์ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ประสานเสียงประมาณว่า ซิมเมอร์แมน ไม่น่ามีชีวิตอยู่ถึงวันที่โดนจับกุมด้วยซ้ำ
ผลพวงจากการทวีตด้วยอารมณ์ ภายหลังทั้ง ครูซ และ ไวท์ ต้องออกมากล่าวขอโทษต่อสาธารณชน โดยในรายของ ครูซ ยอมรับว่าการกระทำของตนเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาเขาต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเยาวชน ไม่ต้องการปลุกกระแสให้เกิดความรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด เพราะสมัยเด็ก ครูซ ต้องเผชิญกับเรื่องราวของความรุนแรงที่รายล้อมตัวเขาที่นิวเจอร์ซีย์
กรณีนี้เป็นที่เข้าใจได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่พอใจกับความอยุติธรรม ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมเราไปแล้ว แต่ทั้ง ครูซ และ ไวท์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้พวกเขากลายเป็นไอดอล เป็นนักกีฬาที่เด็กๆ อยากลอกเลียนแบบ หากเยาวชนคนใดวุฒิภาวะทางความคิดมีไม่เพียงพอ อาจก่อเรื่องไม่คาดฝันก็เป็นได้ ดังนั้นหน้าที่ของ “บุคคลสาธารณะ” นอกจากประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ ความรู้สึกยับยั้งชั่งใจในความคิดที่อยากระบายย่อมต้องมีด้วยนะจะบอกให้