ASTVผู้จัดการรายวัน - จากการที่ บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ผุดไอเดียเก๋เปิดโอกาสให้นักพากย์หญิงหน้าใหม่ บรรยายเกมการแข่งขันศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2013 ที่สวีเดน ระหว่างวันที่ 10-28 กรกฏาคม 2556 ซึ่งก็สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ทีมข่าว MGR Sport สะกิดหูกับลีลาและน้ำเสียงที่ฉะฉานของ รัศมิ์รวี วีระพงศ์ จึงขอนำคอกีฬามาทำความรู้จักกับ "ไนซ์" ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะนางงามมิตรภาพเวที "มิสเชีย" ที่ฮ่องกง มาแล้ว
"สาวมั่น เรียนเก่ง ใฝ่กิจกรรม" คงเป็นคำจัดความที่บ่งบอกตัวตนของ รัศมิ์รวี วีระพงศ์ ได้ชัดเจนที่สุด เมื่อเธอมีความมุมานะเรียนหนักตั้งแต่มัธยมศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังอย่างสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดย ไนซ์ เล่าให้ฟังอย่างภูมิใจว่าเธอมีผลการเรียนเกรด 4 มาตลอด เป็นที่ 1 ของห้อง ไม่เคยหล่นเกินอันดับ 6 เลย ดังนั้นหากเรียนจบความฝันของเด็กเรียนคนนี้จึงอยากเป็น "คุณหมอ" แต่เนื่องจากอ่านหนังสือหนัก มีอาการไมเกรน เมื่อไปที่โรงพยาบาล สัมผัสได้ว่าการเป็นแพทย์ไม่ใช่งานที่สนุกอย่างที่คิดไว้ จึงเลือกเอ็นทรานซ์เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เนื่องจากมีความถนัดด้านคำนวณ ก่อนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากเกษตรศาสตร์ในเวลาต่อมา โดยช่วงเรียนมหาวิทยาลัย มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมหลายอย่างทั้ง เป็นหัวหน้าเชียร์ เป็นประธานสภาเยาวชนต้านคอรัปชั่น และก็มีโอกาสเดินแบบตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง
เรื่องกีฬานั้น ไนซ์ เป็นคนชอบออกกำลังกาย เล่นฟิตเนส โยคะ ชอบกีฬาหลายอย่างทั้ง ฟุตบอล, ว่ายน้ำ, วอลเลย์บอล แม้ไม่เคยคิดเป็นนักกีฬาอาชีพทั้งที่หน่วยก้านได้ (สูง 179 เซนติเมตร) แต่ช่วงเด็กๆ ถ้ามีเวลาก็จะเตะบอลเล่นที่บ้านกับพ่อและน้อง เล่นเกมส์ฟุตบอล "วินนิ่ง" กับน้องชาย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้องบอกว่า "บ้าบอล" มาก เวลามีถ่ายทอดสดก็จะนั่งเกาะติดขอบจอ พักครึ่งก็ต้องรีบอาบน้ำเพื่อมาดูให้ทันครึ่งหลัง สตริ๊กเกอร์นักฟุตบอลที่ "เป๊ปซี่" ออกมาให้สะสม ไนซ์ มีครบเซตนะจะบอกให้ และมันเป็นมาเป็นไปอย่างไรถึงได้มานั่งพากย์บอล ก็คือด้วยการที่ ไนซ์ มีคอนเนคชันเยอะ จากการที่เราเคยประกวดบนเวทีนางแบบ ได้ตำแหน่ง "เอเชียน ซูเปอร์โมเดล 2011" เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดที่เมืองกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่งได้ตำแหน่งนางงามมิตรภาพเวที "มิสเชีย" ที่ฮ่องกง เมื่อปี 2011 (มอบตำแหน่งต้นปี 2012) จากนั้นงานก็มาเรื่อยๆ มีผู้ใหญ่แนะนำว่า แกรมมี่เล็งปั้นนักพากย์หญิง ซึ่ง ไนซ์ เป็นคนที่เมื่อโอกาสเปิดเมื่อไหร่ มั่นใจว่าตัวเองทำได้ ก็จะกระโดดใส่ทันที
ไนซ์ มีการทำเป็นเดโม่เสนอไปทางแกรมมี่ ได้รับการเรียกตัวเข้ามาทดสอบและก็ได้เป็นนักพากย์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งงานที่ท้าทาย ก่อนลงสนามจริงต้องบอกว่ามีการทำการบ้านเยอะมาก ทั้งค้นหาข้อมูลของทีม นักฟุตบอลชาติต่างๆ กลับบ้านก็จะเปิดยูทิวบ์ดูแมตช์การแข่งขัน รวมถึงศึกษาวิธีการพากย์ของพี่ๆ ที่บริษัท ซึ่งมาติวเข้มให้ เรียนรู้ศัพท์ฟุตบอลเพิ่มเติม เพื่อที่จะสามารถบรรยายเกมได้สนุกถึงใจคอบอล เรื่องการออกเสียง ไนซ์ ไม่ค่อยมีปัญหา เนื่องจากตอนเรียนเคยพากย์เสียงตัวละคร รวมถึงพากย์การแสดง "รามเกียรติ์" ของเยาวชนไทย ณ ประเทศมาเลเซีย มาแล้ว แต่ติวเตอร์ก็บอกให้ ไนซ์ มั่นใจเปล่งเสียงให้ดังฉะฉานในแบบฉบับตัวเรา
เรื่องความกดดัน แน่นอนต้องมีเพราะนี่เป็นครั้งแรก อีกทั้งหลายคนมักคิดว่า "ฟุตบอล" กับ "ผู้หญิง" เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน แต่ส่วนตัวมองว่า นี่ถือเป็นบทพิสูจน์ ปัจจุบันผู้หญิงมีความรู้ความสามารถไม่ด้อยกว่าผู้ชาย นักกีฬาหญิงหลายท่านนำชื่อเสียงให้ประเทศก็มากมาย อาทิเช่น วอลเลย์บอลหญิง หรือว่า นักแบดมินตันหญิง ดังนั้น ไนซ์ จึงอยากขอโอกาสให้ตนและเพื่อนๆ ได้แสดงฝีมือ อยากให้แฟนๆ เปิดใจกว้างรับกับสิ่งใหม่ในวงการนักพากย์ บางทีทรรศนะลูกหนังของผู้หญิง อาจเปิดมุมมองที่คุณอาจจะร้องอ้อ!! ขึ้นมาว่าใช่เลยก็ได้
ส่วนนักพากย์ที่เป็น "ไอดอล" หรืออยากเอาเป็นแบบอย่างก็คือ "ย.โย่ง" เอกชัย นพจินดา ฮีโร่ตลอดกาล ไนซ์ จำได้ว่าสมัยเด็กๆ ตอนดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษ ดูข่าวกีฬา หรือรายการกีฬาอย่าง "เจาะสนาม" ก็จะได้ยินเสียง "ย.โย่ง" ตลอด จนมันซึมลึกเข้ามาในตัวเรา เมื่อได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ อยากพากย์ให้ได้ครึ่งหนึ่งของคุณอาก็ยังดี ทั้งนี้จากการได้สัมผัสกับงานพากย์มาได้ระยะหนึ่ง ทำให้ ไนซ์ รู้สึกได้ว่าสนุกกับกีฬา หากมีโอกาสได้ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวหรือนักข่าวสายงานกีฬา ก็ถือเป็นความท้าทายที่น่าลองยิ่ง
ท้ายนี้ ไนซ์ กลับมาแย้มกับทีมข่าว MGR Sport ถึงเหตุผลที่เธอเลือกเอ็นฯเข้าวิศวกรรมศาสตร์ เพราะช่วงวัยรุ่นวง "D2B" ดังมาก และก็แอบปลื้ม กวี ตันจรารักษ์ จึงอยากเรียนคณะเดียวกับ "พี่บีม" หลายคนฟังดูแล้วอาจจะขำ แต่ ไนซ์ มองว่าถ้าเรามีใครที่เป็น "แรงบันดาลใจ" เราคงอยากดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามเขาคนนั้น ซึ่ง ไนซ์ เองไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็น "ไอดอล" ของใคร เพราะเรายังต้องพัฒนาการทำงานอีกเยอะในสายงานที่เลือกเดิน แต่การได้โอกาสมาทำหน้าที่เป็น "นักพากย์หญิง" เชื่อเหลือเกินว่า ไนซ์ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคอกีฬาผู้หญิงได้ไม่มากก็น้อย ให้กล้าออกมาแสดงความสามารถ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราอาจเห็นนักพากย์เหล่านี้โลดแล่นในวงการได้อย่างไม่เป็นรองผู้ชายเลยก็ได้