เกาหลีใต้ เจ้าภาพจัดการแข่งขัน เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์ จัดการระดมศิลปินวงป็อบร็อคของตัวเองมาแสดงโชว์ในพิธีปิดการแข่งขันที่เมืองอินชอน เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ก่อนส่งไม้ต่อให้ เติร์กเมนิสถาน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในปี 2017
การแข่งขัน เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์ ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เดินทางมาถึงวันสุดท้าย โดยในช่วงเย็นเวลา 16.40 น. ของวันเสาร์ที่ 6 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ที่สนาม แซมซาน เวิลด์ ยิมเนเซียม ได้มีพิธีปิดการแข่งขัน ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน LET’S SHINE TOGETHER! โดยในช่วงแรกเป็นการประมวลภาพการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ถึง วันที่ 6 กรกฏาคม รวมเอาทุกอารมณ์ทั้งความสุข,สมหวัง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันผ่านจอมอนิเตอร์ ซึ่งมี คิม ยอง ซู ประธานจัดการแข่งขัน เป็นประธานในพิธี
หลังจากนั้นเป็นการเปิดประตูปล่อยให้ขบวนนักกีฬาทั้งหมด 43 ชาติ ตบเท้าเข้าสู่สนามมารวมตัวแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในฐานะนักกีฬาจากเอเชียทั้งหมด ต่อมาเป็นการฉายวีทีอาร์ถึงการต่อสู้นักสนุกเกอร์หญิงรายหนึ่งจาก มองโกเลีย อย่าง บายาร์ไซคาน นารานทูยา ที่ฝ่าฟันคู่แข่งจากบ้านเกิดนับร้อยจนมีชื่อติดทีมครั้งนี้ แม้จะแพ้ให้กับคู่แข่งตั้งแต่รอบแรก แต่กระนั้นยังมีความฝันที่จะกลับมาแก้มือที่นี่อีกครั้ง โดย ณ จุดนี้มีนักร้องหนุ่มอย่าง ยู ซัง วู ออกมาร้องเพลงให้กำลังใจ นารานทูยา พร้อมชวนให้กลับมาลงแข่งในปีหน้า
ต่อมา เป็นพิธีส่งมอบการแข่งขัน เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์ ครั้งต่อไปให้กับ เติร์กเมนิสถาน ซึ่งจะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในปี 2017 ที่เมืองอัชกาบัต โดยได้มีการเชิญธงชาติเติร์กเมนิสถาน ขึ้นสู่สนามพร้อมด้วยการแสดงเล็กๆน้อยๆจากเจ้าภาพคราวหน้าที่แสดงให้เห็นว่า เติร์กเมนิสถาน กำลังจะได้รอต้อนรับนักกีฬาจากเอเชียทุกเชื้อชาติอยู่ในอีก 4 ปีข้างหน้า ก่อนจบลงไปพร้อมกับไฟจากกระถางคบเพลิง ที่ค่อยๆมอดดับลงไปแบบไม่มีพิธีรีตองมากนัก
เข้าสู่ช่วงท้ายของงาน เจ้าภาพได้เชิญวง Dick Punks และวง Toxic วงป็อปร็อคยอดนิยมมาประเคนเพลงสนุกๆให้นักกีฬาและคนดูได้เซิ้งกันพอหอมปากหอมคอ แล้วส่งทุกคนกลับบ้าน ก่อนกลับมาเจอกันใหม่อีกครั้งใน “เอเชียนเกมส์” ที่เมืองอินชอน เตรียมรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพอีกครั้งในปีหน้า
สรุปผลงาน : ทีมนักกีฬาไทยในการแข่งขัน เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์ กวาดเหรียญรางวัลไปทั้งหมด 22 เหรียญ แบ่งเป็น 8 เหรียญของงาน ญทอง, 3 เหรียญเงิน และ 11 เหรียญทองแดง ขณะที่ตำแหน่งจ้าวเหรียญเป็นของ จีน (29 เหรียญทอง, 13 เหรียญเงิน, 10 เหรียญทองแดง รวม 52 เหรียญ) ส่วน เกาหลีใต้ เจ้าภาพรั้งอันดับ 2 (21 เหรียญทอง, 27 เหรียญเงิน, 19 เหรียญทองแดง รวม 67 เหรียญ)