จากการที่ เชลซี มีโอกาสโละ เฟร์นานโด ตอร์เรส ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ (ราว 850 ล้านบาท) เท่ากับว่าขาดทุนถึง 33 ล้านปอนด์ (1.65 พันล้านบาท) ทั้งที่ใช้งานได้เพียง 2 ปีครึ่ง ซึ่ง “เดอะซัน” สื่ออังกฤษจัดอันดับ 10 แข้ง ซื้อมาขายไปที่เข้าข่ายขาดทุนยับ
อันดับ 10 ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์
ไรท์-ฟิลลิปส์ เซ็นสัญญาย้ายมาเล่นให้ เชลซี ด้วยสัญญา 5 ปี เมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2005 ค่าตัว 21 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.05 พันล้านบาท) ทว่ากลับไม่สามารถชนะใจ โชเซ มูรินโญ ได้เลยในการชิงตำแหน่งตัวจริง ก่อนถูกขายคืนให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี แลกกับเงินเพียง 8.5 ล้านปอนด์ (ราว 425 ล้านบาท)
งานนี้ เชลซี ขาดทุน 12.5 ล้านปอนด์ (625 ล้านบาท)
อันดับ 9 อัลแบร์โต อาควิลานี
ราฟาเอล เบนิเตซ เซ็นคว้า อาควิลานี มาจาก โรมา ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (พันล้านบาท) เมื่อปี 2009 เพื่อเข้ามาแทน ชาบี อลอนโซ ที่โยกไปอยู่กับ รีล มาดริด แต่เล่นในถิ่นแอนฟิลด์ แค่ปีเดียวก็ต้องปล่อยคืนบ้านเกิดในอิตาลี ร่วมทัพ ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน แบบยืมตัว ก่อนที่ “หงส์แดง” ตัดสินใจโละให้ ฟิออเรนตินา เพียง 7 ล้านปอนด์ (ราว 350 ล้านบาท) เมื่อปี 2012
งานนี้ ลิเวอร์พูล ขาดทุน 13 ล้านปอนด์ (650 ล้านบาท)
อันดับ 8 โรบินโญ
แมนฯ ซิตี ทุบสถิติการซื้อ-ขายของอังกฤษ เมื่อปี 2008 จัดการคว้า โรบินโญ มาจาก รีล มาดริด แพงถึง 32.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.62 พันล้านบาท) แต่ซุปตาร์บราซิเลียน กลับสร้างผลงานไม่เด่นเท่าใดนัก จึงถูกปล่อยให้ ซานโตส ต้นสังกัดเก่ายืมตัว ที่สุดแล้ว “เรือใบสีฟ้า” ยอมขายให้ เอซี มิลาน ในปี 2010 ที่ราคา 18.2 ล้านปอนด์ (ราว 910 ล้านบาท)
งานนี้ แมนฯ ซิตี ขาดทุน 14.3 ล้านปอนด์ (715 ล้านบาท)
อันดับ 7 เฮอร์นาน เครสโป
เครสโป มีผลงานฤดูกาลแรกที่น่าประทับใจกับ เชลซี หลังย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน ในปี 2003 ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์ (ราว 840 ล้านบาท) แต่จากนั้นก็ปล่อยให้ทั้ง เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัว ก่อนโละฟรีเมื่อปี 2008 ซึ่งดาวยิงอาร์เจนไตน์ คืนรัง “งูใหญ่” นั่นเอง
งานนี้ เชลซี ขาดทุน 16.8 ล้านปอนด์ (840 ล้านบาท)
อันดับ 6 ไมเคิล โอเวน
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึงตัว ไมเคิล โอเวน กลับมาเล่นในอังกฤษ เมื่อปี 2005 ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์ เมื่อ “เบบี้โกล” แจ้งเกิดไม่ได้กับ รีล มาดริด ในลา ลีกา สเปน แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ จึงโดนปล่อยตัวฟรีปี 2009
งานนี้ นิวคาสเซิล ขาดทุน 16.8 ล้านปอนด์
อันดับ 5 โอเวน ฮาร์กรีฟส์
สร้างความประทับใจสมัยเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่บุนเดสลีกา เยอรมนี ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทุ่มเงิน 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 850 ล้านบาท) ดึงตัวมาเสริมแผงกลาง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงไม่สามารถใช้งาน ฮาร์กรีฟส์ ได้เท่าที่ควร ก่อนถูกปล่อยฟรีปี 2011 และได้ไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี
งานนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดทุน 17 ล้านปอนด์
อันดับ 4 โช
มาร์ค ฮิวจ์ส ยังไม่เข็ดกับแข้งบราซิเลยน ให้บอร์ดบริหาร แมนฯ ซิตี ทุ่มเงิน 18 ล้านปอนด์ (ราว 900 ล้านบาท) ดึงตัวมาจาก ซีเอสเคเอ มอสโก เมื่อปี 2008 แต่ก็ต้องปล่อยให้ เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวไป 2 ฤดูกาล ไปอยู่กับ กาลาตาซาราย อีกหนึ่งซีซัน ที่สุดแล้วก็ต้องโละให้ อินเตอร์นาซิอองนาล ในลีกบ้านเกิดแบบฟรีๆ
งานนี้ แมนฯ ซิตี ขาดทุน 18 ล้านปอนด์
อันดับ 3 เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
อเดบายอร์ ย้ายจาก อาร์เซนอล มาเล่นให้ แมนฯ ซิตี ปี 2009 ด้วยค่าตัวถึง 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.25 พันล้านบาท) แต่พอเปลี่ยนจากยุคของ ฮิวจ์ส มาเป็น โรแบร์โต มันชินี คุมบังเหียน ศูนย์หน้าโตโกกลับกลายเป็นส่วนเกิน ต้องระเห็จยืมตัวไปอยู่กับ รีล มาดริด และก็มาเล่นให้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ปี 2012 แบบถาวร ในราคาแค่ 5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท)
งานนี้ แมนฯ ซิตี ขาดทุน 20 ล้านปอนด์ (พันล้านบาท)
อันดับ 2 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
เบอร์บาตอฟ ย้ายจากสเปอร์ส มาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2008 ด้วยค่าตัว 31 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.55 พันล้านบาท) แม้กระหน่ำประตูพา “ผีแดง” กวาดแชมป์ ทว่าหอกจอมเก๋าบัลแกเรียนก็โดนโละให้ ฟูแลม ในอีกสี่ปีถัดมา ในราคาเซลล์กระหน่ำ 5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท)
งานนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดทุน 26 ล้านปอนด์ (1.3 พันล้านบาท)
อันดับ 1 อังเดร เชฟเชนโก
“เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช ทุบสถิติซื้อ-ขายของอังกฤษ ณ เวลานั้น เซ็นเช็ค 30.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.54 พันล้านบาท) ให้แก่ เอซี มิลาน เพื่อซิวตัว อังเดร เชฟเชนโก มาเล่นให้ เชลซี เมื่อปี 2006 แต่อดีตแข้งยอดเยี่ยมของยุโรป กลับยิงได้พียง 9 ประตูจาก 48 นัด ก่อนปล่อยให้ ดินาโม เคียฟ สโมสรแจ้งเกิดยืมตัวไปใช้งาน ที่สุดแล้วก็ต้องปล่อยฟรีกองหน้ายูเครน
งานนี้ เชลซี ขาดทุนเต็มๆ 30.8 ล้านปอนด์
