“บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ออกโรงเชียร์ โชเซ มูรินโญ นายใหญ่แห่ง รีล มาดริด เข้ามานั่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากที่สุด หลังจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศวางมือ
หลังจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ประกาศว่า เซอร์ อเล็กซ์ ที่คุมทัพ แมนฯยู มาตั้งแต่ปี 1986 จะวางมือหลังเกม พรีเมียร์ ลีก นัดสุดท้ายไปเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบียน วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 นัดจะรับแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 เกมเปิดบ้านรับมือ สวอนซี ซิตี วันที่ 12 พฤษภาคม
โดย “บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล ออกโรงเชียร์อยากให้โชเซ มูรินโญ คุมทีมมากที่สุด “ตนได้ติดตามข่าวจากสื่ออังกฤษวางตัวเต็งที่จะมาคุมแมนฯ ยู โดยยกเดวิด มอยส์ จากเอฟเวอร์ตัน เป็นเต็งหนึ่ง เนื่องจากตนมองว่าหากมอยส์ได้รับข้อเสนอจริง ก็พร้อมที่ผละจากเอฟเวอร์ตันทันที ขณะที่ โชเซ มูรินโญ ในฐานะเต็งสอง เห็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่จะไปเชลซีมากกว่า อย่างไรก็ตามมองว่า มูรินโญ คือบุคคลที่ “แฟนผีแดง” ต้องการให้มานั่งเก้าอี้ต่อจากเฟอร์กีมากที่สุด เนื่องจากเวลาที่นายใหญ่แห่งรีล มาดริด ไปคุมทีมใดก็มักจะประสบความสำเร็จ ไล่ตั้งแต่ เอฟซี ปอร์โต, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และรีล มาดริด รวมทั้งยังมีเพาเวอร์ที่ควบคุมนักฟุตบอลได้อยู่หมัด และนักเตะทุกคนให้ความเคารพเขาอยู่เสมอ”
เมื่อถามถึงการซื้อขายนักฟุตบอลของ “เฟอร์กี” ที่คุ้มค่ามากที่สุด ทางด้านผู้ประกาศข่าวหนวดงาม กล่าวทันทีเลยว่า เอริค คันโตนา 1 ในตำนานเบอร์ 7 ของทีม “ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 โฮเวิร์ด วิลกินสัน กุนซือลีดส์ ยูไนเต็ด ในขณะนั้นดึง เอริค คันโตนา มาร่วมทีมฤดูกาล 1991-92 และถือเป็นตัวแปรสำคัญที่พาลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ดิวิชัน 1 เดิมได้สำเร็จ แต่ทว่ากลับไม่รั้งตัวคันโตนา ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าตัวดาวยิงเลือดน้ำหอมมาร่วมทัพในฤดูกาล 1992-93 ต่อทันที ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ (ในขณะนั้น) มาร่วม และสามารถนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นทีมแรกได้สำเร็จ และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของขุนพล เรด เดวิลส์ ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งในยุคที่ คันโตนา ร่วมทัพสามารถค้วาแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และเอฟ เอ คัพ อีก 2 สมัยจากทั้งหมด 5 ฤดูกาล จึงถือว่าเป็นการซื้อตัวที่คุ้มค่ามากที่สุด”
ส่วนแมตช์ในความทรงจำที่ตรึงตาตรึงใจ นักพากย์กีฬาฟุตบอลชื่อดังมากที่สุดก็คือนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ลีก 1999 “คงไม่มีแมตช์ไหนที่ประทับใจและมีความหมายเท่ากับฟุตบอลถ้วยยุโรปที่ใหญ่ที่สุด ยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ หลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเอฟ เอ คัพ มาครองได้สำเร็จ จึงเหลือรายการสุดท้าย ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นทริปเบิลแชมป์แรกของสโมสร และในเกมดังกล่าวแมนฯยู เสียท่าจากลูกฟรีคิกของมาริโอ บาสเลอร์ ในครึ่งแรก ก่อนที่เท็ดดี เชอร์ริงแฮม และโอเล กุนนาร์ โซลชา จะสร้างปาฏิหาริย์ยิงคนละประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 1 และ 3 พาทีมคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ และทำให้ผมยอมโกนหนวดทิ้งตามที่ได้กล่าวไว้”
ทั้งนี้ แฟนพันธุ์แท้ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังได้กล่าวสดุดีต่อ บรมกุนซือวัย 71 ปีเป็นการทิ้งท้ายอีกด้วยว่า “นับตั้งแต่หมดยุคของเซอร์ แมตต์ บัสบี ที่พาทีมได้แชมป์ยูโรเปียน คัพสมัยแรกเมื่อปี 1968 ก็ยังไม่มีกุนซือคนไหนสามารถพาทีมค้วาแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกเลย อย่างดีที่สุดคือการคว้าแชมป์เอฟ เอ คัพมาครอง จนอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือจากอเบอร์ดีนเข้ามาคุมแทน และได้ด้วยนิสัยที่มีความมั่นใจว่าจะต้องทำได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ หากย้อนกลับไปที่ฤดูกาล 1992-93 แมนฯยูไม่สามารถคว้าแชมป์ เราอาจจะไม่ได้เห็นกุนซือชาวสกอต มาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้”