“บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย และผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ามั่นใจในเสียงสนับสนุนของตนเอง เตรียมเชิญทุกสโมสรสมาชิกมารับฟังนโยบายและเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมจี้ “บังยี” ววีร์ มะกูดี ประมุขคนปัจจุบัน ให้ชัดเจนหากจะมีการเปลี่ยนไปใช้ธรรมนูญใหม่เหลือเพียง 72 สโมสรที่มีสิทธิ์ลงคะแนน
เมื่อวันอังคารที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา เวลา 13.00 น. นายวิรัช ชาญพานิชย์ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ในฐานะผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วาระใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน นี้ ได้เดินทางเข้าสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) “พระบิดาแห่งวงการฟุตบอลเมืองสยาม” ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลฯขึ้น ณ วชิราวุธวิทยาลัย
โดย “บิ๊กก๊อง” เปิดเผยถึงการเดินทางมาครั้งนี้ว่าเพื่อต้องการแสดงเจตนารมณ์ในการลงชิงเก้าอี้นายกบอลไทย “ผมเดินทางมาที่วชิราวุธฯเนื่องจากที่นี่เคยเป็นที่ทำการเก่าของสมาคมฟุตบอลฯ และถือโอกาสมาสักการะรัชกาลที่ 6 เพื่อปฏิญาณตนว่าหากได้เข้าไปทำงานในสมาคมฟุตบอลฯจะบริหารงานอย่างเต็มความสามารถและโปร่งใส โดยมีภารกิจแรกคือการทวงความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลทีมชาติให้กลับมาเป็นเจ้าอาเซียนในเร็ววัน หลังจากที่ตกต่ำลงไปมาก และผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจที่จะพัฒนาจริงก็จะเป็นไปได้แน่นอน”
พร้อมกันนี้อดีต ผจก.ช้างศึก ยังเผยถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า “ผมทำงานอย่างหนักเดินทางไปหาเสียงจากสโมสรสมาชิกตามที่ต่างๆ และมั่นใจในเสียงสนับสนุนที่ได้รับปากไว้ รวมถึงได้คุยกับทางชลบุรีและบุรีรัมย์ ที่พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เสียงตอนนี้ใกล้เคียงกับที่ทาง เนวิน ชิดชอบ บอกไว้ (140 เสียง) ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการแก้ธรรมนูญข้อบังคับใหม่ การเพิ่มวาระการดำรงตำแหน่งเป็น 4 ปี นั้นโดยกฎหมายไม่สามารถทำได้ แต่ในเรื่องการลดสิทธิ์ของสโมสรสมาชิกในการลงคะแนนเหลือเพียง 72 เสียงนั้น ทางสมาคมฯต้องมีการรับรองจากสโมสรสมาชิก มติ 2 ใน 3 เสียก่อน จากนั้นยื่นเรื่องไปที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แล้วสุดท้ายจึงให้สำนักงานเขตลงนามรับรอง ซึ่งเรื่องนี้ผมเชื่อว่าไม่น่าจะทำได้ทันการเลือกตั้ง”
“แต่หากมีการกำหนดใช้จริงก็ต้องระบุให้แน่ชัดว่า 72 เสียงนั้นมีวิธีการดัดเลือกอย่างไร โดยเฉพาะ 30 เสียงจากลีกภูมิภาคดิวิชัน 2 ที่ยังไม่กำหนดว่าจะเป็นทีมใดบ้าง ต้องทำให้ถูกต้อง ระบุลงไปเลย ไม่สามารถกำหนดลอยๆเองได้ว่าจะให้เป็นสโมสรใด ซึ่งถ้าทำทุกอย่างตามกฎผมก็ยังมั่นใจในเสียงที่มี และไม่ว่าผลแพ้ชนะจะออกมาเป็นอย่างไรผมก็รับได้แต่ต้องยุติธรรม การล้มการเลือกตั้งครั้งที่แล้วถือเป็นบทเรียน แต่รอบนี้สังคมกำลังจับตามอง คงจะเบี้ยวได้ยาก และ กกท.เองก็ต้องออกมาใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยส่วนตัวผมกับ วรวีร์ ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน เพียงแต่วิธีคิดในการพัฒนาฟุตบอลไทยต่างการเท่านั้น หากผมได้เป็นนายกสมาคมฯก็ไม่ได้มีความขัดแย้งแต่อย่างใดในการที่เขาเป็นบอร์ดสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) หรือแม้แต่ได้เป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ซึ่งเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องทำให้ประเทศดีขึ้นด้วยเช่นกัน” วิรัช ร่ายยาว
ทั้งนี้ “บิ๊กก๊อง” ได้เตรียมเชิญทุกสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนมาร่วมรับฟังนโยบายของตน และเปิดตัวทีมงาน นำโดย “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ในฐานะเลขาธิการ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้