คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ถึงเคยเข้าตำรา “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” หรือออกอาการ “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” แฉเรื่องนอกสนาม โดยเฉพาะเรื่องในมุ้ง ทว่าเมื่อถึงวันสำคัญในชีวิตของเพื่อนเก่า มีหรือที่ โคบี ไบรอันท์ จะไม่ร่วมแสดงความยินดีกับ ชาคิล โอนีล เซ็นเตอร์ที่เชื่อว่าแฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) คงไม่มีวันลืมความดุดันใต้แป้น ที่ผสมปนเปไปด้วยมุขตลกโปกฮาซึ่งมีมาฝากทุกคนเสมอ
เมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ตามวัน-เวลาท้องถิ่น สปอร์ตไลท์ทุกดวงในสนามสเตเปิล เซ็นเตอร์ สาดแสงลงมาที่ยักษ์ใหญ่ใจดีร่าง 2 เมตร 16 เซนติเมตร ท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยานในการรีไทร์เสื้อ “หมายเลข 34” ขึ้นไปแขวนใต้หลังคาสนาม เทียบเคียงเหล่าตำนานอย่าง วิลท์ แชมเบอร์เลน (เบอร์ 13), เอลจิน เบย์เลอร์ (22), กาอิล กูดริช (25), แมจิก จอห์นสัน (32), คารีม อับดุล-จาบบาร์ (33), เจมส์ เวิร์ทธี (42), เจอร์รี เวสต์ (44) และ จามาล วิเกส (52) นอกเหนือจาก ฟิล แจ็คสัน หนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของลีก ซึ่งมาชื่นชนลูกศิษย์แล้ว โคบี ไบรอันท์ ยังแสดงสปิริตลืมเรื่องร้าวฉานเก่าๆ ยืนปรบมือให้เกียรติแก่ ชาคิล โอนีล
งานนี้ โคบี พลอยดูมีแรงกระตุ้นไม่น้อย เพราะถ้าเกิดเจ้าตัวตัดสินใจเลิกเล่นหลังจบฤดูกาล 2013/14 ตามที่เคยเปรย ไม่ช้าไม่นาน เลเกอร์ส ก็คงรีไทร์เบอร์เสื้อหมายเลข 24 ให้เช่นกัน ล่าสุด ชู้ตติ้งการ์ดซูเปอร์สตาร์แบกแฟรนไชส์ขึ้นหลังทำ “ทริปเปิล-ดับเบิล” เปิดรังถลุง ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ 101-81 สถิติขึ้นมาเท่ากับ ยูทาห์ แจซซ์ ที่ต้องยื้อแย่งโควตาสุดท้ายฝั่งตะวันตก (เลเกอร์ส เฮดทูเฮดเป็นรอง) ซึ่งเมื่อไม่มี แชค เคียงบ่าเคียงไหล่ ดูเหมือน โคบี ต้องการพิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าสามารถเป็นผู้นำ เลเกอร์ส ให้ประสบความสำเร็จด้วยมือของเขาเอง นี่เป็นอีกหนึ่งซีซันสุดท้าทาย
ส่วนของ แชค ถึงแม้ไม่ได้เริ่มต้นกับที่แอลเอ เมื่อถูกคัดเลือกเข้าลีกเป็นคนแรกในปี 1992 โดย ออร์แลนโด แมจิก และก็เล่นในสีเสื้อ “ม่วง-ทอง” แค่ 8 ฤดูกาล แต่ความสำเร็จที่ทำให้กับแฟรนไชส์มีเป็นชิ้นเป็นอัน ได้รับเลือกให้เป็น “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) รอบชิงทุกครั้งที่พา เลเกอร์ส เถลิงแชมป์สามปีรวด (ปี 2000-02) การทำเฉลี่ย 27 แต้ม 11.8 รีบาวนด์ 3.1 แอสซิสต์ กับ 2.5 บล็อก ในการเล่น 514 เกมของฤดูกาลปกติ เป็น MVP เรคกูลา ซีซัน เมื่อปี 2000 ถูกโหวตให้เล่นในเกมรวมดารา หรือ “ออล-สตาร์เกม” 15 สมัย นี่แสดงให้เห็นว่า แชค ไม่ใช่แค่ขวัญใจแฟนๆ เลเกอร์ส แต่เป็นนักบาสที่มีคนรักมากที่สุดคนหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นแฟนยัดห่วง เมื่อพูดถึง แชค ก็ต้องนึกถึงการชู้ตฟรีโทรล์ที่ไม่เอาอ่าว จึงเป็นที่มาของกฎ “แฮค อะ แชค” เมื่อบรรดาคู่แข่งจ้องตีฟาล์วเจ้ายักษ์เกือบทุกคราวที่กระโจนขึ้นห่วง ปัจจุบันลามมาถึง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด ที่หลายคนอยากให้ “ซูเปอร์แมน” สานต่อตำนานให้จงได้ นอกจากนี้ใครที่เคยเห็น รองเท้าเบอร์ 23 ของพี่ท่าน ที่นำมาตั้งโชว์ คงหลุดปากพูดออกมาว่านี่มันเกือกหรือเรือกันแน่!! และเมื่อถึงสัปดาห์ออล-สตาร์ทีไร แชค ไม่เคยเปิดตัวธรรมดา ปีหลังๆ แทบจะแดนซ์ลงสนามในรูปแบบมินิคอนเสิร์ต เพราะนี่คือศิลปินคนหนึ่งที่ออกอัลบั้มแร็พโยว์เป็นจริงเป็นจังมาแล้ว ส่วนคอหนังที่เป็นแฟนบาสฯ ต้องเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างกับ “คาซาม” (Kazam) ที่ แชค รับบทแสดงนำในมาดยักษ์ใหญ่ใจดี ช่วยให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มเล็กสำหรับครอบครัว ทำเงินในแบ็กออฟฟิสไปเกือบ 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 570 ล้านบาท)
ที่สำคัญ แชค เป็นตัวอย่างที่นักกีฬาอาชีพควรเอาเป็นแบบอย่างยิ่ง แม้ต้องออกจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สเตท (LSU) กลางครันหลังเรียนไปได้สามปี เพื่อเข้ามาโกยเงินมหาศาลในฐานะ “นัมเบอร์วันดราฟท์” ทว่าซูเปอร์สตาร์วัย 41 ปี นำเอาปริญญาบัตรมาฝากคุณแม่ตามที่เคยสัญญาไว้จนได้ โดยไม่ใช่แค่เพียงปริญญาบัตรศิลปศาสตร์บัณฑิตเท่านั้น แชค ยังมุมานะลงเรียนออนไลน์จนจบหลักสูตร์ MBA ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฟีนิกซ์ และเมื่อกลางปีก่อนนี่เอง มิเสียแรงที่ใช้เวลาเรียน 4 ปีครึ่ง ก็มีคำนำหน้าว่า “ดอกเตอร์” (ดร.) สำเร็จการศึกษาโปรแกรมการเรียนรู้และความเป็นผู้นำจากมหาวิทยาลัยแบร์รี ในไมอามี ปัจจุบัน แชค ยังสร้างความบันเทิงให้แก่แฟนๆ ด้วยการนั่งวิเคราะห์เกมการแข่งขัน NBA ให้สถานีโทรทัศน์ “ทีเอ็นที” (TNT) ยังคงเกทับบลัฟแหลกกับ ชาร์ลส บาร์คลีย์ สนุกอยู่เหมือนเดิม เชื่อเหลือเกินว่าในอนาคนอันใกล้ชื่อของ ชาคิล โอนีล คงจะเข้าไปอยู่ในหอเกียรติยศ (ฮอล ออฟ เฟม) ด้วยเหตุผลสั้นๆ ที่ว่า “คุณนั้นคู่ควร” อย่างไม่มีใครปฏิเสธได้
ถึงเคยเข้าตำรา “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” หรือออกอาการ “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” แฉเรื่องนอกสนาม โดยเฉพาะเรื่องในมุ้ง ทว่าเมื่อถึงวันสำคัญในชีวิตของเพื่อนเก่า มีหรือที่ โคบี ไบรอันท์ จะไม่ร่วมแสดงความยินดีกับ ชาคิล โอนีล เซ็นเตอร์ที่เชื่อว่าแฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) คงไม่มีวันลืมความดุดันใต้แป้น ที่ผสมปนเปไปด้วยมุขตลกโปกฮาซึ่งมีมาฝากทุกคนเสมอ
เมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ตามวัน-เวลาท้องถิ่น สปอร์ตไลท์ทุกดวงในสนามสเตเปิล เซ็นเตอร์ สาดแสงลงมาที่ยักษ์ใหญ่ใจดีร่าง 2 เมตร 16 เซนติเมตร ท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยานในการรีไทร์เสื้อ “หมายเลข 34” ขึ้นไปแขวนใต้หลังคาสนาม เทียบเคียงเหล่าตำนานอย่าง วิลท์ แชมเบอร์เลน (เบอร์ 13), เอลจิน เบย์เลอร์ (22), กาอิล กูดริช (25), แมจิก จอห์นสัน (32), คารีม อับดุล-จาบบาร์ (33), เจมส์ เวิร์ทธี (42), เจอร์รี เวสต์ (44) และ จามาล วิเกส (52) นอกเหนือจาก ฟิล แจ็คสัน หนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของลีก ซึ่งมาชื่นชนลูกศิษย์แล้ว โคบี ไบรอันท์ ยังแสดงสปิริตลืมเรื่องร้าวฉานเก่าๆ ยืนปรบมือให้เกียรติแก่ ชาคิล โอนีล
งานนี้ โคบี พลอยดูมีแรงกระตุ้นไม่น้อย เพราะถ้าเกิดเจ้าตัวตัดสินใจเลิกเล่นหลังจบฤดูกาล 2013/14 ตามที่เคยเปรย ไม่ช้าไม่นาน เลเกอร์ส ก็คงรีไทร์เบอร์เสื้อหมายเลข 24 ให้เช่นกัน ล่าสุด ชู้ตติ้งการ์ดซูเปอร์สตาร์แบกแฟรนไชส์ขึ้นหลังทำ “ทริปเปิล-ดับเบิล” เปิดรังถลุง ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ 101-81 สถิติขึ้นมาเท่ากับ ยูทาห์ แจซซ์ ที่ต้องยื้อแย่งโควตาสุดท้ายฝั่งตะวันตก (เลเกอร์ส เฮดทูเฮดเป็นรอง) ซึ่งเมื่อไม่มี แชค เคียงบ่าเคียงไหล่ ดูเหมือน โคบี ต้องการพิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าสามารถเป็นผู้นำ เลเกอร์ส ให้ประสบความสำเร็จด้วยมือของเขาเอง นี่เป็นอีกหนึ่งซีซันสุดท้าทาย
ส่วนของ แชค ถึงแม้ไม่ได้เริ่มต้นกับที่แอลเอ เมื่อถูกคัดเลือกเข้าลีกเป็นคนแรกในปี 1992 โดย ออร์แลนโด แมจิก และก็เล่นในสีเสื้อ “ม่วง-ทอง” แค่ 8 ฤดูกาล แต่ความสำเร็จที่ทำให้กับแฟรนไชส์มีเป็นชิ้นเป็นอัน ได้รับเลือกให้เป็น “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) รอบชิงทุกครั้งที่พา เลเกอร์ส เถลิงแชมป์สามปีรวด (ปี 2000-02) การทำเฉลี่ย 27 แต้ม 11.8 รีบาวนด์ 3.1 แอสซิสต์ กับ 2.5 บล็อก ในการเล่น 514 เกมของฤดูกาลปกติ เป็น MVP เรคกูลา ซีซัน เมื่อปี 2000 ถูกโหวตให้เล่นในเกมรวมดารา หรือ “ออล-สตาร์เกม” 15 สมัย นี่แสดงให้เห็นว่า แชค ไม่ใช่แค่ขวัญใจแฟนๆ เลเกอร์ส แต่เป็นนักบาสที่มีคนรักมากที่สุดคนหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นแฟนยัดห่วง เมื่อพูดถึง แชค ก็ต้องนึกถึงการชู้ตฟรีโทรล์ที่ไม่เอาอ่าว จึงเป็นที่มาของกฎ “แฮค อะ แชค” เมื่อบรรดาคู่แข่งจ้องตีฟาล์วเจ้ายักษ์เกือบทุกคราวที่กระโจนขึ้นห่วง ปัจจุบันลามมาถึง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด ที่หลายคนอยากให้ “ซูเปอร์แมน” สานต่อตำนานให้จงได้ นอกจากนี้ใครที่เคยเห็น รองเท้าเบอร์ 23 ของพี่ท่าน ที่นำมาตั้งโชว์ คงหลุดปากพูดออกมาว่านี่มันเกือกหรือเรือกันแน่!! และเมื่อถึงสัปดาห์ออล-สตาร์ทีไร แชค ไม่เคยเปิดตัวธรรมดา ปีหลังๆ แทบจะแดนซ์ลงสนามในรูปแบบมินิคอนเสิร์ต เพราะนี่คือศิลปินคนหนึ่งที่ออกอัลบั้มแร็พโยว์เป็นจริงเป็นจังมาแล้ว ส่วนคอหนังที่เป็นแฟนบาสฯ ต้องเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างกับ “คาซาม” (Kazam) ที่ แชค รับบทแสดงนำในมาดยักษ์ใหญ่ใจดี ช่วยให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มเล็กสำหรับครอบครัว ทำเงินในแบ็กออฟฟิสไปเกือบ 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 570 ล้านบาท)
ที่สำคัญ แชค เป็นตัวอย่างที่นักกีฬาอาชีพควรเอาเป็นแบบอย่างยิ่ง แม้ต้องออกจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สเตท (LSU) กลางครันหลังเรียนไปได้สามปี เพื่อเข้ามาโกยเงินมหาศาลในฐานะ “นัมเบอร์วันดราฟท์” ทว่าซูเปอร์สตาร์วัย 41 ปี นำเอาปริญญาบัตรมาฝากคุณแม่ตามที่เคยสัญญาไว้จนได้ โดยไม่ใช่แค่เพียงปริญญาบัตรศิลปศาสตร์บัณฑิตเท่านั้น แชค ยังมุมานะลงเรียนออนไลน์จนจบหลักสูตร์ MBA ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฟีนิกซ์ และเมื่อกลางปีก่อนนี่เอง มิเสียแรงที่ใช้เวลาเรียน 4 ปีครึ่ง ก็มีคำนำหน้าว่า “ดอกเตอร์” (ดร.) สำเร็จการศึกษาโปรแกรมการเรียนรู้และความเป็นผู้นำจากมหาวิทยาลัยแบร์รี ในไมอามี ปัจจุบัน แชค ยังสร้างความบันเทิงให้แก่แฟนๆ ด้วยการนั่งวิเคราะห์เกมการแข่งขัน NBA ให้สถานีโทรทัศน์ “ทีเอ็นที” (TNT) ยังคงเกทับบลัฟแหลกกับ ชาร์ลส บาร์คลีย์ สนุกอยู่เหมือนเดิม เชื่อเหลือเกินว่าในอนาคนอันใกล้ชื่อของ ชาคิล โอนีล คงจะเข้าไปอยู่ในหอเกียรติยศ (ฮอล ออฟ เฟม) ด้วยเหตุผลสั้นๆ ที่ว่า “คุณนั้นคู่ควร” อย่างไม่มีใครปฏิเสธได้