ยายา ตูเร และ คาร์ลอส เตเบซ สองนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี ช่วยกันซัดคนละ 1 ประตู ช่วยทีมเปิดบ้านพิชิต เชลซี ซึ่งพลาดโอกาสเบิกสกอร์แรกจากการยิงจุดโทษของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ช่วงต้นครึ่งหลัง 2-0 ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี 2-0 เชลซี
เสียงนกหวีดดังขึ้นเพียง 1 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี ทักทายก่อน เมื่อ ยายา ตูเร แปเน้นๆ บริเวณหัวกะโหลก ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวรับอยู่หมัด จากนั้น เจ้าถิ่นเดินเกมบุกต่อเนื่อง แต่ยังจบไม่ลง ผ่านไป 10 นาที เชลซี เริ่มครองบอลตอบโต้ ทว่า การผ่านบอลสุดท้ายไม่เข้าเป้า
“เรือใบสีฟ้า” เข้าสู่เกมของตัวเอง หวิดเฮนาที 15 เมื่อ มาติยา นาสตาซิช วิ่งสอดขึ้นมาโขกลูกเปิดมุมกราบขวา ปีเตอร์ เช็ก พุ่งปัดไว้ได้ ต่อมา 3 นาที แมนฯ ซิตี ที่ประเคนเกมรุกแบบไม่มียั้ง พลาดโอกาสทอง หลัง เซร์คิโอ อเกวโร หลุดเดี่ยวมาทางกรอบโทษด้านซ้าย แต่กลับแตะบอลหนี เช็ก ยาวเกินไปจนออกเส้นหลัง
เข้าสู่นาที 25 ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกและรับ แต่ก็ยังไม่มีจังหวะใกล้เคียงกับการลุ้นประตูแรกของเกมนี้ จนกระทั่งนาที 41 ซิตี ที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่าได้เสียวจากการยิงไกลของ แจ็ค ร็อดเวลล์ ทว่า ปีเตอร์ เช็ก ปัดข้ามคาน ต่อมา 1 นาที อดีตนักเตะเอฟเวอร์ตัน ขึ้นโขกลูกเปิดมุมกราบขวาเข้าซอง นายทวารทีมเยือน ช่วงเวลาที่เหลือทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกจึงเสมอกัน 0-0
ลุยกันต่อครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดหน้าแลก แต่ก็ยังไม่มีช็อตหวาดเสียวมากนักจนกระทั่งนาที 51 ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อได้จุดโทษจากจังหวะที่ บรานิสลาฟ วางยาวกราบขวามาให้ เดมบา บา แตะบอลมาทางกรอบโทษด้านซ้าย ก่อนถูกรวบโดย โจ ฮาร์ท ทว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงเต็มข้อติดเซฟ ผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ
หลังรอดจากการเสียประตู แชมป์เก่าพรีเมียร์ ลีก เดินหน้าลุยแบบไม่คิดชีวิต และเกือบได้ลูกแรกนาที 57 เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ แทงทะลุช่องให้ เซร์คิโอ อเกวโร หลุดมาทางกรอบโทษด้านขวา ก่อนชิปข้ามคาน เข้าสู่นาที 60 สองยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ ดวลเกมรุกอย่างเมามัน ก่อน สาวก “เดอะ ซิตีเซ็นส์” ได้เฮ นาที 63 เมื่อ ดาบิด ซิลบา เก็บบอลทางริมกรอบโทษด้านซ้าย ก่อนคืนมาให้ ยายา ตูเร ลุยเข้ามา แล้วบรรจงแปเสียบโคนเสาไกล
หลังตกเป็นรอง “สิงห์บลูส์” พยายามเดินหน้าบุกหมายทวงประตูคืน แต่ก็ไม่มีโอกาสปิดสกอร์แบบเน้นๆ ไม่ได้ ขณะที่ รองจ่าฝูง แพกเกมรับอย่างเหนียวแน่น และอาศัยการโต้กลับเร็ว ทว่า ยังทำอะไรกันไม่ได้ จนถึงนาที 85 ทีมของ โรแบร์โต มันชินี มาได้ประตูย้ำชัยชนะ เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร ลุยเข้ามาทางกรอบโทษด้านซ้าย ก่อนถูกสกัดมาเข้าทาง ดาบิด ซิลบา ไหลมาให้ คาร์ลอส เตเบซ ตัวสำรอง ตั้งป้อมยิงบริเวณหัวกะโหลกเสียบมุมอย่างสวยงาม
ช่วงเวลาที่เหลือ คู่ปรับร่วมเมืองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เน้นการครองบอลเพื่อปิดเกม และเปลี่ยนตัวฆ่าเวลา แม้ อาคันตุกะจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ จะมีโอกาสทำเกมบุกแต่ก็ไม่ได้บังคับให้ โจ ฮาร์ท ต้องออกแรงเซฟมากนัก ครบ 90 นาที แมนฯ ซิตี ชนะ 2-0
รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนฯ ซิตี : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลตา, โคโล ตูเร, มาติยา นาสตาซิช, กาแอล กลิชี, ฆาบี การ์เซีย, เจมส์ มิลเนอร์, แจ็ค ร็อดเวลล์, ดาบิด ซิลบา, ยายา ตูเร, เซร์คิโอ อเกวโร
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลีย์ โคล, จอน โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด, รามิเรส, ฆวน มาตา, เอเดน ฮาซาร์ด, เดมบา บา
ผลการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์
นิวคาสเซิล 4-2 เซาแธมป์ตัน
[0-1 มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน น.2, 1-1 มุสซา ซิสโซโก น.32, 2-1 ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ น.41, 2-2 ริคกี แลมเบิร์ต น.50, 3-2 โยฮัน กาบาย น.67, 4-2 จอส ฮุยเวลด์ (ทำเข้าประตูตัวเอง) น.79]
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี 2-0 เชลซี
เสียงนกหวีดดังขึ้นเพียง 1 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี ทักทายก่อน เมื่อ ยายา ตูเร แปเน้นๆ บริเวณหัวกะโหลก ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวรับอยู่หมัด จากนั้น เจ้าถิ่นเดินเกมบุกต่อเนื่อง แต่ยังจบไม่ลง ผ่านไป 10 นาที เชลซี เริ่มครองบอลตอบโต้ ทว่า การผ่านบอลสุดท้ายไม่เข้าเป้า
“เรือใบสีฟ้า” เข้าสู่เกมของตัวเอง หวิดเฮนาที 15 เมื่อ มาติยา นาสตาซิช วิ่งสอดขึ้นมาโขกลูกเปิดมุมกราบขวา ปีเตอร์ เช็ก พุ่งปัดไว้ได้ ต่อมา 3 นาที แมนฯ ซิตี ที่ประเคนเกมรุกแบบไม่มียั้ง พลาดโอกาสทอง หลัง เซร์คิโอ อเกวโร หลุดเดี่ยวมาทางกรอบโทษด้านซ้าย แต่กลับแตะบอลหนี เช็ก ยาวเกินไปจนออกเส้นหลัง
เข้าสู่นาที 25 ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกและรับ แต่ก็ยังไม่มีจังหวะใกล้เคียงกับการลุ้นประตูแรกของเกมนี้ จนกระทั่งนาที 41 ซิตี ที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่าได้เสียวจากการยิงไกลของ แจ็ค ร็อดเวลล์ ทว่า ปีเตอร์ เช็ก ปัดข้ามคาน ต่อมา 1 นาที อดีตนักเตะเอฟเวอร์ตัน ขึ้นโขกลูกเปิดมุมกราบขวาเข้าซอง นายทวารทีมเยือน ช่วงเวลาที่เหลือทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกจึงเสมอกัน 0-0
ลุยกันต่อครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดหน้าแลก แต่ก็ยังไม่มีช็อตหวาดเสียวมากนักจนกระทั่งนาที 51 ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อได้จุดโทษจากจังหวะที่ บรานิสลาฟ วางยาวกราบขวามาให้ เดมบา บา แตะบอลมาทางกรอบโทษด้านซ้าย ก่อนถูกรวบโดย โจ ฮาร์ท ทว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงเต็มข้อติดเซฟ ผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ
หลังรอดจากการเสียประตู แชมป์เก่าพรีเมียร์ ลีก เดินหน้าลุยแบบไม่คิดชีวิต และเกือบได้ลูกแรกนาที 57 เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ แทงทะลุช่องให้ เซร์คิโอ อเกวโร หลุดมาทางกรอบโทษด้านขวา ก่อนชิปข้ามคาน เข้าสู่นาที 60 สองยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ ดวลเกมรุกอย่างเมามัน ก่อน สาวก “เดอะ ซิตีเซ็นส์” ได้เฮ นาที 63 เมื่อ ดาบิด ซิลบา เก็บบอลทางริมกรอบโทษด้านซ้าย ก่อนคืนมาให้ ยายา ตูเร ลุยเข้ามา แล้วบรรจงแปเสียบโคนเสาไกล
หลังตกเป็นรอง “สิงห์บลูส์” พยายามเดินหน้าบุกหมายทวงประตูคืน แต่ก็ไม่มีโอกาสปิดสกอร์แบบเน้นๆ ไม่ได้ ขณะที่ รองจ่าฝูง แพกเกมรับอย่างเหนียวแน่น และอาศัยการโต้กลับเร็ว ทว่า ยังทำอะไรกันไม่ได้ จนถึงนาที 85 ทีมของ โรแบร์โต มันชินี มาได้ประตูย้ำชัยชนะ เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร ลุยเข้ามาทางกรอบโทษด้านซ้าย ก่อนถูกสกัดมาเข้าทาง ดาบิด ซิลบา ไหลมาให้ คาร์ลอส เตเบซ ตัวสำรอง ตั้งป้อมยิงบริเวณหัวกะโหลกเสียบมุมอย่างสวยงาม
ช่วงเวลาที่เหลือ คู่ปรับร่วมเมืองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เน้นการครองบอลเพื่อปิดเกม และเปลี่ยนตัวฆ่าเวลา แม้ อาคันตุกะจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ จะมีโอกาสทำเกมบุกแต่ก็ไม่ได้บังคับให้ โจ ฮาร์ท ต้องออกแรงเซฟมากนัก ครบ 90 นาที แมนฯ ซิตี ชนะ 2-0
รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนฯ ซิตี : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลตา, โคโล ตูเร, มาติยา นาสตาซิช, กาแอล กลิชี, ฆาบี การ์เซีย, เจมส์ มิลเนอร์, แจ็ค ร็อดเวลล์, ดาบิด ซิลบา, ยายา ตูเร, เซร์คิโอ อเกวโร
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลีย์ โคล, จอน โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด, รามิเรส, ฆวน มาตา, เอเดน ฮาซาร์ด, เดมบา บา
ผลการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์
นิวคาสเซิล 4-2 เซาแธมป์ตัน
[0-1 มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน น.2, 1-1 มุสซา ซิสโซโก น.32, 2-1 ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ น.41, 2-2 ริคกี แลมเบิร์ต น.50, 3-2 โยฮัน กาบาย น.67, 4-2 จอส ฮุยเวลด์ (ทำเข้าประตูตัวเอง) น.79]
