ศ.คลินิก.นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยฯ เผยทีมนักแม่นปืนไทยเตรียมคัดเลือกซีเกมส์ ที่ประเทศพม่า ช่วงเดือนเมษายนนี้ รวมทั้งวอนผู้ใหญ่การกีฬาแห่งประเทศไทย ช่วยสนับสนุนงบประมาณให้กับสมาคมฯ หลังไม่มีงบซื้อเป้าอิเล็กทรอนิกส์ ในการฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาที่จะทำการคัดเลือกต่อไปด้วย พร้อมกับแจ้งว่าทางสหพันธ์ยิงปืนนานาชาติ ได้เปลี่ยนกฎกติกาใหม่แล้ว ทำให้การแข่งขันเพิ่มระดับยากขึ้นหลายเท่าตัวนัก ซึ่งจะเริ่มใช้ในต้นปี 2013 รวมถึงการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ด้วย
การแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือซีเกมส์ ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2013 ที่จะถึงนี้ มีกีฬายิงปืน เป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่มีนักกีฬาไทยร่วมชิงชัยเหรียญทองอีกเช่นเดียวกันโดย นพ. เอาชัย เผยความพร้อมนักกีฬาก่อนลุยซีเกมส์ที่พม่าว่า "ตอนนี้การเตรียมตัวนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ลุยมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือซีเกมส์ ตอนนี้เพิ่งเสร็จสิ้นจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่เชียงใหม่ ได้แยกย้ายกันพักผ่อน ก่อนจะกลับมาซ้อมหลังปีใหม่ เพื่อมุ่งสมาธิในการคัดเลือกตัวนักกีฬาทีมชาติ ตอนนี้สนามในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) อยู่ในช่วงการปรับปรุง คาดว่าน่าจะเตรียมการคัดเลือกนักกีฬาช่วงประมาณเดือนเมษายนได้ทัน ก่อนเก็บตัวภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนการแข่งขันซีเกมส์ที่พม่าจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้"
"ส่วนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน ยังเป็นตัวทีมชาติหน้าเดิมอยู่ครบครัน และมีแม่นปืนหน้าใหม่ที่มาจากการแข่งขันเยาวชนชิงแชมป์โลกที่เยอรมนี เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งผมคิดว่าก็มีสิทธิ์ได้ติดทีมชาติไปแข่งขันซีเกมส์ได้ที่พม่าเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเด็กๆเหล่านี้จะทนแรงเสียดทาน และความเจนจัดในเวทีการแข่งขันครั้งนี้ได้มากน้อยแค่ไหนอีกด้วย ซึ่งมีทั้งมัญชุลิกา มานะกิจ,ศุภลักษณ์ พงษ์ศิลป์วิจิตร และ ผกามาศ วรรณทอง"
นอกจากนี้ นพ.เอาชัยยังได้เผยถึงกติกาใหม่ของสหพันธ์ยิงปืนนานาชาติอีกว่า "จากการประชุม ของ สหพันธ์ยิงปืนนานาชาติ หรือ ไอ เอส เอส เอฟ (I.S.S.F.) ได้เปลี่ยนกติกายิงปืนใหม่เสียหมด จากเดิมที่การแข่งขันมีการแข่งขันสองรอบคือรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ เมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้น จะเอาคะแนนทั้งสองมารวมกันเพื่อหาผู้ที่ทำคะแนนได้แชมป์ไปครอง ล่าสุดทางสหพันธ์ยิงปืนนานาชาติ ได้เปลี่ยนกฎใหม่ เมื่อทำการแข่งขันรอบคัดเลือกเรียบร้อยแล้วและเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป้นที่เรียบร้อย คะแนนทุกอย่างที่ทำในรอบนี้จะลบออกไปทันที และเริ่มต้นคะแนนใหม่ทันทีในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ยากลำบากตอนแข่งรอบชิงชนะเลิศมีความกดดันเพิ่มขึ้น"
"ซึ่งการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ จากเดิมจะมีการยิงเพียง 10 นัดเท่านั้น และยิงตามท่าในแต่ละประเภทที่เข้าส่งการแข่งขัน เปลี่ยนเป็นนักกีฬาในประเภทปืนสั้นหรือปืนยาวจะต้องยิงได้ทุกท่าไม่ว่าจะเป็น ท่ายืน ท่านั่ง และทานอน ในจำนวนรวมทั้งสิ้น 20-40 นัด ทำให้โอกาสการทำคะแนนของนักกีฬาที่ถนัดท่าต่างๆ มีความหลากหลายเกิดขึ้นแน่ จึงต้องปรับกลยุทธ์ของนักกีฬาแต่ละคนใหม่อีกด้วย" หมอเอาชัย กล่าวต่อ
พร้อมกันนี้ เลขาฯยิงปืนยังได้วิงวอนต่อ กกท.ถึงเรื่องงบในการซื้อเป้าอิเล็กทรอนิกส์ในการซ้อมยิงให้กับนักกีฬาอีกว่า "สำหรับเป้าที่ใช้สำหรับการแข่งขันตามทัวร์นาเมนต์ต่างๆทั่วโลกปัจจุบันนี้คือใช้เป้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย มีเป้าแบบนี้ในการฝึกซ้อมเพียงแค่ 20 เป้า ติดตั้งในสนามซ้อมการกีฬาแห่งประเทศไทยเท่านั้น ส่วนศูนย์กีฬาตามต่างจังหวัดมีแต่เป้าที่เป็นกระดาษแข็งเท่านั้น ฉะนั้นตนจึงอยากวิงวอนให้การกีฬาแห่งประเทศไทยช่วยสนับสนุนงบประมาณในการช่วยเหลือ ด้านเงินทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งมีราคาแพงมาก และที่ใช้ซ้อมที่ กกท. มีอายุการใช้งานกว่า 10 ปีแล้ว รวมทั้งราคาเป้าชนิดนี้ มีมูลค่าอันละ 5 แสนบาท ซึ่งอยู่ในศูนย์ฝึกซ้อมการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมไปถึงศูนย์กีฬาตามต่างจังหวัด เพื่อให้นักกีฬาได้ฝึกซ้อม และเป็นมาตรฐานสากลด้วย"