เอเยนซี - ไม่มีท่าดีใจวิเศษเลิศเลอหรือแม้กระทั่งถลกเสื้อโชว์ข้อความที่ตระเตรียมมาพิเศษ ทั้งที่เป็นวันอันน่าจดจำของ ลิโอเนล เมสซี ที่เพิ่งเขียนประวัติศาสตร์อีกบทหนึ่งด้วยการกลายเป็นผู้เล่นยิงมากที่สุดภายในปีเดียวที่ตัวเลข 86 ประตู แน่นอนว่าด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปีโลกลูกหนังยังมีเวลาเหลืออีกมากมายให้กองหน้าไซส์เอสจากค่าย บาร์เซโลนา ไล่ล่าทำลายสถิติของบรรดาแข้งตำนานเป็นว่าเล่น
เมสซี ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าจากเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มๆ จี นัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเปิด คัมป์ นู เสมอ เบนฟิกา 0-0 แต่อีก 4 วันให้หลังออกสตาร์ทเป็นตัวจริงก่อนซัดเบิ้ลนาที 16 และ 25 พา บาร์เซโลนา บุกชนะ รีล เบติส 2-1 ส่งผลให้ปี 2012 กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินายิงไปแล้ว 86 ประตูแบ่งเป็น 74 ประตูให้กับต้นสังกัด (ลา ลีกา 56 ประตู, ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 13 ประตู, โคปา เดล เรย์ 3 ประตูและ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 2 ประตู) กับอีก 12 ในการรับใช้ทัพ “ฟ้าขาว” แซงหน้า เกิร์ด มุลเลอร์ ตำนานดาวยิงทีมชาติเยอรมนีเจ้าของฉายา “ไอ้ลูกระเบิด” ทำไว้ภายในปี 1972 จำนวน 85 ประตู แบ่งเป็น 72 ประตูกับ บาเร์น มิวนิค และ 13 ประตูให้ "อินทรีเหล็ก"
หลังเกม เมสซี ที่สร้างสถิติใหม่ด้วยวัย 25 ปีจากการลงเล่น 66 เกมเทียบกับ มุลเลอร์ 27 ปีจากการลงเล่น 60 เกม กล่าวปลื้มกับผลงานของตนเอง แต่ไม่ลืมว่าภารกิจเพื่อทีมนั้นต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด “ผมอยากบอกว่าสิ่งนี้มีความหมายมากมาย เยี่ยมเหลือเกินที่สร้างสถิติใหม่ได้สำเร็จ แต่ชัยชนะของทีมสำคัญที่สุดโดยเฉพาะช่วงห่างบนตาราง เป้าหมายของผมก็คือพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา, สแปนิช คัพ และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ทั้งหมดนี้เหนือกว่าตัวเลขที่บ่งบอกความยอดเยี่ยมส่วนตัว”
ถือว่าหนทางสดใสที่ เมสซี จะพาพลพรรค บาร์เซโลนา ทวงแชมป์ ลา ลีกา สเปน คืนมาจาก รีล มาดริด เพราะตอนนี้ผ่านไปแค่ 15 นัดก็นำเป็นจ่าฝูงด้วยการทิ้ง แอตเลติโก มาดริด 6 แต้มและ “ราชันชุดขาว” 11 แต้มตามลำดับ ส่วนถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่มีดีกรีเป็นแชมป์ 4 สมัยก็ทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปแล้ว
ส่วน ติโต บิลาโนบา กุนซือ บาร์เซโลนา เกรงว่า เมสซี ที่ปีนี้ซัดแฮตทริก 6 ครั้ง, ยิงเบิ้ล 20 ครั้งและ 4 ประตูภายในเกมเดียว 2 ครั้ง จะกดดันจึงออกมาให้สัมภาษณ์ลดกระแสที่ถาโถมว่า “ยังมีความเป็นไปได้ที่ เมสซี จะยิงได้มากกว่านี้ในปี 2012 ก็หวังว่าตัวเลขจะขยับไปอีก เขาอายุยังน้อยและเราไม่ควรจะไปสุมความกดดัน แต่สถิติในปีนี้สมบูรณ์แบบมากจริงๆ แต่อยากปล่อยให้นักเตะสนุกกับการเล่นมากกว่าโดยไม่ต้องการให้มุ่งสมาธิไปที่ต้องยิงได้มากเท่าไหร่นับจากนี้”
ตอนนี้บรรดาแข้งที่ถือเป็นตำนานของโลกกำลังถูก เมสซี ไล่ล่าสถิติเป็นว่าเล่นจะเรียกได้ว่าเป็น “นักฆ่าตำนาน” ก็ว่าได้ เพราะเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็เพิ่งยิงภายในปีเดียวแซงหน้า “ไข่มุกดำ” เปเล่ ที่พา บราซิล คว้าแชมป์โลก 3 สมัยทำเอาไว้ 75 ประตูกับ ซานโต๊ส เมื่อปี 1972 เกียรติยศเดียวที่เด็กซึ่ง บาร์เซโลนา ดึงมาปลุกปั้นจาก นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ตั้งแต่เมื่อปี 2000 ยังไม่เคยได้สัมผัสก็คือความสำเร็จระดับชาติกับ อาร์เจนตินา ล่าสุดฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้ จอดป้ายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อแพ้ เยอรมนี 0-4 จนไม่สามารถนำไปเทียบชั้น ดิเอโก มาราโดนา รุ่นพี่ที่พา "ฟ้าขาว" ชูถ้วย เวิลด์ คัพ เมื่อปี 1986 ได้อย่างเต็มปาก แต่เหนืออื่นใดทุกคนก็ภาวนาว่าวันนั้นจะมาถึงในไม่ช้านี้
โดยวันที่ 7 มกราคมปี 2013 เมสซี มีโอกาสสูงไม่น้อยที่จะเพิ่มความสำเร็จส่วนตัว เพราะจะมีการประกาศรางวัล “ฟีฟา บัลลงดอร์ 2012” หากไม่มีพลิกโผจะเป็นแข้งคนแรกที่คว้าได้ 4 สมัยต่อจากปี 2009, 2010 และ 2011 (ทั้งก่อนและหลังเปลี่ยนชื่อจากการรวมกันของนิตยสาร “ฟรองซ์ ฟุตบอล” และ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา)
จากสถิติที่กล่าวมาทั้งหมดคงไม่ต้องหาคำตอบแล้วว่าใครคือนักเตะเก่งที่สุดของยุคนี้ให้ยุ่งยาก สิ่งที่ต้องจับตาดูก็คือตัวเลขซัดประตูภายในปี 2012 ของ เมสซี จะไปหยุดอยู่ที่ใดต่างหาก เพราะจากนี้ บาร์เซโลนา เหลือโปรแกรมอีก 3 นัดก่อนขึ้นศักราชใหม่คือไปเยือน คอร์โดบา ศึก โคปา เดล เรย์ รอบ 16 ทีมสุดท้ายวันพุธที่ 12 ธันวาคมนี้และตามด้วยลีก 2 นัดรับมือ แอต มาดริด วันอาทิตย์ที่ 16 ธ.ค.ปิดท้ายด้วยไปเยือน รีล บายาโดลิด วันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.