วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย ออกโรงชื่นชม “ใหม่” ภานุพงษ์ วงศ์ษา กัปตันทีมชาติไทย ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม และแสดงออกถึงความเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนามอีกด้วย พร้อมกับปลื้มลูกทีมที่เอาชนะเมียนมาร์ในวันนี้ได้สำเร็จ กรุยทางสู่รอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลซูซูกิคัพ 2012 ได้สำเร็จ
หลังจากที่ทีมชาติไทย ถล่มเอาชนะทีมชาติเมียนมาร์ ไปได้ 4-0 ในการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (27 พ.ย.) โดยทีมชาติไทย ได้ประตูจาก ธีรศิลป์ แดงดา คนเดียว 3 ประตู น.20, น.82 และ น.89 อีกประตูได้จาก อภิภู สุนทรพนาเวศ น.59 และจากชัยชนะในสเกมนี้ส่งผลให้ไทยได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแน่นอนแล้ว โดยจะไปรอพบทีมอันดับ 2 ในกลุ่มบีต่อไป
โดย “วินนี” วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย กล่าวหลังจบการแข่งขัน ว่า “ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีและชื่นชมนักเตะทุกคน ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้รับชัยชนะ ยอมรับว่า การเล่นกับพม่าในวันนี้ไม่ง่าย ในครึ่งแรกเกมค่อนข้างอึดอัด แต่ตนนั้นบอกลูกทีมว่าเราต้องทำประตูให้ได้ และเราก็มาได้ประตูนำ 1-0”
“ซึ่งในช่วงพักครึ่งตนได้แก้ไขการตามประกบ คยี ลิน ดาวประจำทีมของพม่า ที่ทำให้แนวรับของเรามีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น อนุชา และ ธีราทร ที่ขึ้นลงตำแหน่งไม่ทัน เพราะต้องคอยมาระวังนักเตะรายนี้ และทำให้ทั้งคู่สับสนตำแหน่งกันไปเอง โดยในครึ่งหลังตนได้สั่งให้ อดุล ทำหน้าที่ประกบผู้เล่นหมายเลข 8 ก็ทำให้ทางซ้ายของเราทำเกมได้ไหลลื่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น จนมาได้ประตูเพิ่มถึง 3 ประตูในที่สุด”
“ด้านตัวสำรองทั้ง 3 คนที่ส่งลงไปทั้ง อภิภู, อาทิตย์ และ สมปอง ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมาก และมีส่วนร่วมกับประตูในช่วงครึ่งหลังด้วย และประตูที่ยอดเยี่ยมในเกมนี้ตนขอยกให้จังหวะที่ ธีราทร เปิดบอลให้ ธีรศิลป์ ได้เข้าไปยิงลูกที่ 3 ซึ่งถือเป็นการจ่ายที่ยอดเยี่ยมของ ธีราทร และจบสกอร์ที่สุดยอด ธีรศิลป์ โดยเฉพาะ “เจ้ามุ้ย” ที่ทำแฮตทริกในเกมนี้เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือกองหน้าและนักเตะที่ดีที่สุดในอาเซียนเวลานี้ ทีมชาติไทยโชคดีมากที่มีเขาอยู่ในทีม” วินนี กล่าว
พร้อมกันนี้ กุนซือทีมชาติไทยได้กล่าวถึง ภานุพงษ์ วงศ์ษา ปราการหลังกัปตันทีมที่ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมาก และเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของทีมถือเป็นหัวใจในแนวรับของทีมอย่างแท้จริง เขามีภาวะความเป็นผู้นำสูงทั้งในและนอกสนาม ถือว่าเป็นอนาคตที่ดีของทีมชาติต่อไปด้วย ส่วนผู้เล่นรายอื่นๆ อย่าง ธีราทร บุญมาทัน และ อนุชา กิจพงษ์ศรี ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในแกมแรก เชื่อว่า หากนักเตะไทยเล่นกันได้แบบนี้ทุกนัด เราจะสามารถพัฒนาทีมของเราไปสู่ระดับท็อปของเอเชียได้อย่างแน่นอน”
และสำหรับเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุมที่จะต้องเจอกับเวียดนามนั้น “วินนี” เผยว่า “ในเกมต่อไปกับเวียดนามผมคงพักผู้เล่นที่คาดโทษใบเหลือง 3 ราย ได้แก่ พิชิตพงษ์, อดุล และ ชลทิตย์ รวมถึงรอเช็กความฟิตของธีราทรด้วยว่าฟิตทันหรือไม่ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เล่นอื่นๆ ลงสนาม แม้ว่าเราจะเข้ารอบไปแล้ว แต่การเจอกับเวียดนามที่ไม่มีทางเลือกต้องชนะสถานเดียว เราคงไม่ประมาท และขอสู้อย่างเต็มที่ เพื่อนำชัยชนะมาฝากคนไทยอีกครั้ง”
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของสายเอ จะเล่นกันในวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ในเวลา 20.20 น.ทั้ง 2 คู่ โดยทีมชาติไทย จะพบกับ เวียดนาม ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนคู่ระหว่าง ฟิลิปปินส์ พบกับ พม่า จะย้ายจากเอสซีจี สเตเดียม มาที่สนามศุภชลาศัย
