เอเยนซี - จากนักขับหนุ่มเลือดร้อนยามอยู่บนแทร็ก ใครจะเชื่อว่าด้วยปัจจุบันวัย 25 ปี เซบาสเตียน เวทเทล จากค่าย เรด บูลล์ เรซซิง กำลังเริ่มเขียนตำนานบทใหม่ หลังจากคว้าแชมป์รถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก 3 สมัยติดต่อกัน ทันทีที่เข้าป้ายอันดับ 6 สนามสุดท้ายของปี “บราซิเลียน กรังด์ปรีซ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกาายน ที่ผ่านมา ด้วยการยืนระยะรักษาผลงานอันยอดเยี่ยมกับอายุใช้งานในวงการที่เหลือเฟือคงไม่ไกลเกินไปหากจะคิดทำลายสถิติสูงสุด 7 สมัยของ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ รุ่นพี่ร่วมชาติและยกสถานะตนเองขึ้นเป็นตำนานคนใหม่ของวงการ เอฟวัน
ศึก ฟอร์มูลา วัน สนามสุดท้ายที่ ออโตรโดรโม โจเซ คาร์ลอส เพซ ลูอิส แฮมิลตัน จากแม็คลาเรน ออกสตาร์ทจากตำแหน่ง โพล โพซิชัน ก่อนฝ่าสายฝนที่โปรยปรายไม่เกรงใจใครขึ้นนำเดี่ยวตั้งแต่รอบแรก ขณะที่ เวทเทล เกือบโดนสถานการณ์พลิกผันเล่นงานออกสตาร์ทจากอันดับ 4 โดน เฟลิเป มาสซา ของเฟอร์รารี ปาดหน้าแซง ก่อนถูกรถของ บรูโน เซนนา จากวิลเลียมส์ ชนเข้าด้านหลังจนกระเด็นหลุดแทร็กออกไปตั้งแต่โค้งแรก แต่สุดท้ายโชคยังดีที่ประคองตัวรถกลับมาเข้าแทร็กแข่งต่อได้เหมือนเดิม
ทำให้โมเมนตัมเทไปทางฝั่ง เฟร์นานโด อลอนโซ คู่แข่งแย่งแชมป์โลกจากเฟอร์รารี ออกสตาร์ทกริดที่ 7 ก่อนขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 5 เพราะหาก เวทเทล ต้องออกจากการแข่งขันหรือจบต่ำกว่าอันดับ 5 ตำแหน่งแชมป์โลกจะเป็นของตัวเองทันที แต่สุดท้าย “เบบีชูมี” ฆ่าไม่ตาย กลับมาปาดหน้าคว้าแชมป์โลกประจำฤดูกาล 2012 หลังพารถ RB8 เข้าเส้นชัยเป็นคันที่ 6 ขณะที่แชมป์โลก 2 สมัยได้แค่อันดับ 2 ไม่สามารถคว้าแชมป์ตามเงื่อนไข ด้านตำแหน่งแชมป์สนามเป็นของ เจนสัน บัตตัน จากแม็คลาเรน เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที 22.656 วินาที ส่วน แฮมิลตัน เดินคอตกออกจากแทร็ก หลังถูกรถของ นิโค ฮัลเคนเบิร์ก ของฟอร์ซ อินเดีย ชนเข้าที่ล้อหน้าในรอบที่ 55 จนแข่งต่อไม่ได้
เวทเทล แม้จะออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ไม่ดี แต่จุดเปลี่ยนคือการคว้าแชมป์ 4 เรซติดนับตั้งแต่สนามที่ 14 ประเทศสิงคโปร์ แม้จะตกลงไปช่วง 3 รายการสุดท้ายแต่ก็ได้ขึ้นโพเดียมถึง 2 ครั้ง จึงสามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จโกยคะแนนสะสมตลอดฤดูกาลไปทั้งหมด 281 แต้มทิ้ง อลอนโซ แค่ 3 แต้ม พร้อมกับทำสถิติเป็นนักขับแชมป์โลก 3 สมัยอายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 25 ปี ทุบสถิติเก่าของ ไอตัน เซนนา ตำนานซิ่งชาวบราซิลที่เคยทำไว้ในปี 1991 ด้วยวัย 31 ปีแบบราบคาบ ส่วนอีก 4 คนที่ทำได้ 3 สมัยเท่ากันคือ เนลสัน ปิเกต์, นิกี เลาดา, แจ็คกี สจ๊วร์ต และ แจ็ค บรับแฮม
โดยหลังจบการแข่งขัน เวทเทล เผยว่า “ถือว่าโชคดีเล็กน้อยที่ไม่มีใครเข้ามาชนผมซ้ำในตอนนั้น รถของผมเกิดความเสียหายและเสียความเร็วไป แถมต้องออกสตาร์ทท่ามกลางสายฝน แต่ทั้งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคนที่มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จในครั้งนี้ และส่วนตัวก็รู้สึกภูมิใจมากกับความสำเร็จนี้ช่างมีความสุขมากจริงๆ”
ส่วน มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานนักขับรุ่นพี่ชาวเยอรมัน ที่จะโบกมือลาวงการ เอฟวัน เป็นครั้งที่สองกับ เมอร์เซเดส และกำลังจะโดน เวทเทล ไล่ล่าสถิติแชมป์โลกสูงสุด 7 สมัยที่เจ้าตัวเคยทำได้เมื่ออายุ 35 ปีเมื่อปี 2004 ออกมากล่าวยกย่องรุ่นน้องว่า “ถือเป็นการปิดฉากที่ดี ผมแข่งจบและ เวทเทล ก็คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 บอกได้เลยว่ารู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก ถือเป็นเรื่องดีที่ได้ออกจากที่แห่งนี้เพื่อเปิดทางให้เขา แล้วเราจะมารอดูกันว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้”
ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงผลงานความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้ต้นสังกัด เรด บูลล์ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยนักหากในอนาคต เวทเทล จะสามารถแซงหน้าสถิติไร้เทียมทานตลอดกาลของ ชูมัคเกอร์ เพราะตอนนี้หนุ่มจากเมืองเบียร์ไม่เหมาะกับฉายา “เบบี้ชูมี่” อีกต่อไปแล้ว หากแต่คือเบอร์ 1 ของวงการ เอฟวัน ตัวจริงเสียงจริงที่ฤดูกาลหน้านักขับจากค่ายอื่นทุกคนจะต้องหาทางหยุดยั้งความแรงที่ไม่เกรงใจใครนี้ให้ได้