xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจ "เรือ" ดับ "ชุดขาว" อยู่หรือปิดฉาก "ยูซีแอล"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“กุน” คีย์แมนของ “เรือใบ”
เอเยนซี - แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์ พรีเมียร์ ลีก จากอังกฤษ เตรียมเดิมพัน 90 นาทีสุดท้ายลุ้นต่อลมหายใจเข้ารอบน็อกเอาต์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก โดยจะต้องเปิด เอติฮัด สเตเดียม เอาชนะ รีล มาดริด แชมป์สูงสุด 9 สมัยจากสเปนให้ได้สถานเดียวเกมนัดที่ 5 กลุ่ม ดี คืนวันพุธที่ 21 พฤศจิกายนนี้ มิเช่นนั้นจะต้องจอดป้ายแค่ตรงนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

หลังโม่แข้งผ่านพ้นไป 4 นัดมีเพียงแค่ 2 แต้ม แมนฯซิตี ไม่มีพื้นที่ให้ผิดพลาดอีกแล้วต้องชนะ 2 นัดที่เหลือและต้องลุ้นให้ผลคู่อื่นใน “กรุ๊ป ออฟ เดธ” เป็นใจด้วย แต่โจทย์แรกเริ่มตั้งแต่วันพุธนี้ที่ต้องชนะ รีล มาดริด อาคันตุกะที่มี 7 แต้ม ส่วนคืนวันเดียวกัน อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่มี 4 แต้มจะเปิด อัมสเตอร์ดัม อารีนา รับมือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มี 8 แต้ม

ก่อนเกมถือว่า แมนฯซิตี กำลังใจเต็มเปี่ยม หลังทะยานขึ้นจ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก เมื่อเปิดบ้านถล่ม แอสตัน วิลลา 5-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์มีเพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้นที่สถานการณ์คล้าย “เรือใบสีฟ้า” ตอนนี้และสามารถกรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปยุโรปได้คือ โลโคโมทีฟ มอสโก ปี 2002 และ ปอร์โต ปี 2004 ดังนั้นนอกจากจะต้องชนะ รีล มาดริด นัดสุดท้ายที่ไปเยือน ซิกแนล อีดูนา ปาร์ค ของ ดอร์ทมุนด์ วันอังคารที่ 4 ธันวาคมก็ต้องได้ 3 แต้มเช่นกัน

เซร์คิโอ อกูเอโร กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ที่เพิ่งเหมา 2 ประตูเกมซ้อมใหญ่กับ วิลลา กระตุ้นลูกทีมอย่าเพิ่งถอดใจ “เราไม่ควรที่จะหมดหวัง แม้สถานการ์ตอนนี้จะสาหัสเอาการก็ตาม เพราะไม่ได้ขึ้นกับเราเท่านั้นยังมีความหวังจากผลการแข่งขันคู่อื่นด้วย เราต้องเชื่อว่าสามารถเอาชนะได้ เนื่องจากเป็นทีมชั้นยอดและตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นแล้ว”

เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนฯซิตี ก็โชคร้ายอยู่ “กรุ๊ป ออฟ เดธ” แม้ว่าจะเก็บไปได้ถึง 10 แต้ม แต่ก็ตกรอบต้องไปเล่น ยูโรปา ลีก อยู่ดี ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้ถือว่างูกินหางทั้ง 4 ทีมยังมีโอกาสที่จะเข้ารอบทั้งสิ้น โดยเฉพาะเฮด-ทู-เฮดก็สำคัญซึ่งอาจจะต้องถึงขั้นฎีกาไปวัดกับ ดอร์ทมุนด์ และ อาแจ๊กซ์ฯ ก็เป็นได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ส่วน รีล มาดริด ความหวังสูงสุดฤดูกาลนี้คือแตะหลักไมล์แชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 หรือ (ลา เดซิมา) หลังจากปีที่แล้วทวงแชมป์ ลา ลีกา สเปน คืนมาจาก บาร์เซโล แต่จอดป้าย แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศด้วยการแพ้จุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค โดยฟอร์มในลีกล่าสุดเปิด ซานติอาโก เบร์นาบิว เรียกความมั่นใจถล่ม แอธเลติก บิลเบา 5-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 พ.ย. ทว่ายังคงตามหลังจ่าฝูง บาร์ซา 8 แต้ม

นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ มูรินโญ กำลังลุ้นเป็นกุนซือคนแรกที่คว้าแชมป์ยุโรปกับ 3 สโมสร หลังเคยทำสำเร็จมาแล้วกับ ปอร์โต เมื่อปี 2004 และ อินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 2010 โดยวันพุธที่ 21 พฤศจิกายนี้เขาจะกลายเป็นโค้ชอายุน้อยที่สุดซึ่งคุมทีม แชมเปียนส์ ลีก ครบ 100 นัดในวัย 49 ปีต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ (51 ปี), อาร์แซน เวนเกอร์ กับ อ็อตต์มาร์ ฮิตเฟลด์ (58 ปี) และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (62 ปี)

นัดที่แล้วทั้ง แมนฯซิตี และ รีล มาดริด เล่นในรังแต่ก็ทำได้แค่เสมอคู่แข่ง 2-2 ก่อนเกม ซามี เคดิรา กองกลางทีมชาติเยอรมนีของ “ราชันชุดขาว” จึงต้องออกมาเรียกสมาธิเพื่อนร่วมทีม “ดอร์ทมุนด์ แสดงให้คุณเห็นแล้วกับการเข้าหาบอลทุกจังหวะและพยายามเล่นเกมในสไตล์ของคุณเอง ดังนั้นผมคิดว่าเรามีโอกาสดีที่จะเปิดเกมบุก แม้ว่าจะออกไปเยือนก็ตามโดยไม่ปล่อยให้ตนเองต้องไปเล่นตามคู่ต่อสู้ แต่จะต้องดึงจุดแข็งของทีมออกมาใช้และแมตช์นี้ก็ถือว่าสำคัญมากด้วย”

เรื่องขุมกำลังแนวรุกถือว่าสมน้ำสมเนื้อ แมนฯซิตี จะนำมาโดย อกูเอโร, คาร์ลอส เตเบซ และ ดาบิด ซิลบา แต่ปัญหาก็คือเกมรับที่ โรแบร์โต มันชินี กุนซือชาวอิตาเลี่ยนยังแก้ไม่ตกรวมทุกรายการไม่เสียประตูแค่ 4 นัดเท่านั้น ตรงกันข้าม รีล มาดริด มีแนวรุกที่จัดจ้านมีเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นที่ยิงประตูไม่ได้

ขณะที่ รีล มาดริด จะนำโดย คริสเตียโน โรนัลโด แข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกซึ่งจะได้กลับมาเยือน แมนเชสเตอร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายจาก แมนฯยู เมื่อปี 2009 โดยจะเจอกับอริของทีมเก่า ซึ่งก็น่าจะมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษเหมือนเกมแรกเมื่อกลางเดือนกันยายนก็เป็นคนยิงประตูชัยนาทีสุดท้ายเปิดบ้านเบียดชนะไปอย่างสุดมัน 3-2 โดยมีหน้าเป้าคือ คาริม เบนเซมา ดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส
มันชินี เสี่ยงร่วง 2 ปีติด
ใครจะหยุด โรนัลโด
มูรินโญ นายใหญ่ “ชุดขาว”
กำลังโหลดความคิดเห็น