xs
xsm
sm
md
lg

"ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง" พ่อมดฟุตซอลไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อาร์ม ศุภวุฒิ
ASTV ผู้จัดการรายวัน – หลังจากที่ทัพฟุตซอลทีมชาติไทย สร้างผลงานประวัติศาสตร์ทะลุถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในศึกชิงแชมป์โลก 2012 ที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกสายตาจับจ้องไปที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวเตะหมายเลข 9 ที่ถือเป็นคีย์แมนอย่างแท้จริงด้วยฟอร์มโดดเด่นยิง 3 ประตูจาก 4 นัด ทั้งที่เป็นทัวร์นาเมนต์ระดับโลกครั้งแรก จนคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมของไทยจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ไปครอง ทีมข่าว MGR SPORT จึงขอจับเข่าคุยตั้งแต่วันแรกก่อนจะเป็น "เจ้าอาร์ม" ที่ทุกคนรู้จักเฉกเช่นทุกวันนี้

ก่อนทัวร์นาเมนต์เปิดฉาก ไทย มีปัญหาไม่น้อยโดยเฉพาะนักเตะตัวเก๋าที่มีปัญหาพฤติกรรมไม่ถูกเรียกเข้ามาติดทีม แต่ ศุภวุฒิ ดาวเตะวัย 23 ปีเจ้าของประตูยอดเยี่ยมประจำวันเปิดสนามศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่หันหลังให้ประตูเกี่ยวบอลลงด้วยขวาก่อนหมุนตัวยิงแสกหน้าด้วยซ้ายแมตช์ชนะ คอสตา ริกา 3-1 ก็ทำให้ทุกคนลืมหมดทุกสิ่งอย่างและมุ่งเป้าไปยังอนาคตกับบรรดาแข้งเลือดใหม่ที่มีอยู่ภายในทีม

ศุภวุฒิ เล่าถึงย่างก้าวแรกสู่ “สังเวียนโต๊ะเล็ก” ของตนเองว่า “ผมเกิดที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และอาศัยอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็ก ซึ่งครอบครัวก็ถือว่าพอมีพอกินไม่ถึงกับขัดสนอะไร โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว เล่นสนามใหญ่มาก่อน แต่พอวันหนึ่งอาจารย์ที่โรงเรียนโพธาวัฒนาเสนี ส่งไปแข่งฟุตบอลนักเรียนกรมพละแล้วรู้สึกว่าสู้คู่แข่งไม่ได้ เพราะโรงเรียนผมมีคนรวมกลุ่มเล่นจริงๆ จังๆ แค่ 6-7 คน จึงหันมาเล่นฟุตซอลแทน เพราะเวลาส่งแข่งเราทำผลงานได้ดีกว่า จากนั้นก็ฝึกซ้อมเองเรื่อยมาทั้งทักษะ แปบอล ส่งบอล และดูการเล่นของนักตะเก่งๆ แล้วนำมาฝึกใช้ โดยมี อนุชา มั่นเจริญ เป็นแรงบันดาลใจ”

หลังจากนั้น “อาร์ม” ก็ฉายแววโดดเด่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นำทีมจังหวัดคว้าแชมป์การแข่งขันฟุตซอลเยาวชนแห่งชาติ รวมถึงลงแข่งรายการ ควิก จูเนียร์ ฟุตซอล จนกระทั่งฟอร์มเตะตาถูกดึงไปเล่นลีกอาชีพ “พี่เอ๋ พัทยา เปี่ยมคุ้ม (อดีตผู้ฝึกสอนฟุตซอลทีมชาติไทย) เป็นคนดึงผมมาเล่นฟุตซอลลีกให้กับทีม ชลบุรี บลูเวฟ เมื่อปี 2008 จากนั้นก็ได้ติดทีมชาติชุดยู 21 ตอนอายุ 18 ซึ่งถือว่าโอกาสพอเหมาะพอเจาะ เพราะเวลานั้นรุ่นพี่ในทีมอย่าง “พี่บัง” อนุชา มั่นเจริญ วิชาญ และ “พี่หรั่ง" ประเสริฐ อินนุ้ย ได้วางมือหลังจบชิงแชมป์โลก ทำให้ได้ลงสนามและโชคดีที่เริ่มเร็วกว่าคนอื่น” และเพียงแค่รายการแรกในศึกฟุตซอลชิงแชมป์ อาเซียน ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เด็กหนุ่มจากราชบุรี ก็พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ พร้อมคว้ารางวัลนักฟุตซอลยอดเยี่ยมมาครอง

ถัดมาปี 2010 ศุภวุฒิ ได้รับคัดเลือกถูกส่งไปฝึกซ้อมกับ โลเบลล์ ซานติอาโก สโมสรฟุตซอลลีกชั้นนำประเทศสเปน เป็นเวลา 1 เดือนจนถึงปี 2011 ได้โอกาสครั้งสำคัญเดินทางไปเล่นอาชีพที่อิหร่าน แต่เส้นทางไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ “เจ้าอาร์ม” อยู่ได้ไม่ถึง 2 เดือนก็ต้องระเห็จกลับเมืองไทย “ครั้งที่ไปเล่น อิหร่าน ผมไม่ประสบความสำเร็จเลยต้องกลับมา ไปแล้วรู้สึกว่าเราเล่นไม่เข้า เพราะเขาไม่เน้นระบบ แต่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว แม้ว่าตอนนั้นจะได้ค่าเหนื่อยถึง 120,000 บาทต่อเดือนก็ตาม แต่เมื่ออึดอัดเลยขอกลับมาเล่นให้สโมสร ธอส.อาร์แบค และพาทีมคว้าแชมป์”

จากนั้นเกียรติยศก็ไหลมาเทมาอีกครั้ง ศุภวุฒิ คว้าแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์ อาเซียน และรองแชมป์ เอเชีย ปี 2012 ก่อนจะพาทีมไทยเข้ารอบสองศึกฟุตซอลโลกที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ยอมรับพอใจผลงานไม่น้อย “ถือว่าพอใจ เพราะเป็นฟุตซอลโลกครั้งแรกของผมและสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ตามเป้าหมายในชีวิตที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้มาโดยตลอดว่าอยากพาทีมชาติไทยเข้ารอบสองให้ได้ จากนี้เป้าหมายต่อไปอยากจะเล่นอีกสัก 2 ครั้งเข้ารอบลึกๆ กว่านี้ ผมคิดว่าตัวเองยังไม่ถึงชั้นกับคำว่าพ่อมดฟุตซอลอย่างที่ใครยกย่อง เพราะเพิ่งเดินมาครึ่งทางเอง ยังอยากก้าวไปให้ไกลกว่านี้ รวมถึงอยากจะมีโอกาสไปเล่นอาชีพที่ต่างประเทศอีกครั้ง”

ส่วนชีวิตนอกสนามที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจขุดคุ้ย แม้จะมีสาวน้อยและสาวใหญ่แอบปลื้มตามขอถ่ายรูปเพราะถือเป็นนักเตะแม่เหล็กทัพฟุตซอลไทย แต่ "อาร์ม" ก็ไม่วอกแวก เพราะมี “น้องก้อย” แฟนสาวและ “น้องอิน” ลูกชายวัย 4 ขวบเป็นโซ่ทองคล้องใจ “ตอนนี้ชีวิตผมมีความสุขดีเริ่มมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง ใช้ชีวิตกับครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ผมกับแฟนรู้จักกันตั้งแต่ตอน ม.3 เป็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน แล้วก็คบกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ 8 ปีแล้ว และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ผมเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าในจังหวัดราชบุรีจะมีแกงค์วัยรุ่นที่เกเรบ้างก็ตาม แต่พูดได้เลยว่าการได้เล่นฟุตซอลช่วยให้ผมไม่ไปข้องแวะกับสิ่งเหล่านั้น”

แม้ว่า ศุภวุฒิ จะถ่อมตัวไม่ยอมรับว่าตนเองคือ "พ่อมดฟุตซอลเมืองไทย" แต่ด้วยฟอร์มทั้ง 4 นัดศึกชิงแชมป์โลก 2012 ที่ปรากฎสู่สายตาแฟนโต๊ะเล็กชาวไทยน่าจะตัดสินได้แล้วว่าหนุ่มคนนี้คือเบอร์ 1 ของประเทศยุคนี้และด้วยอายุอานามที่เพิ่ง 20 ต้นๆ กับก้าวแรกที่ทำได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้น่าจะไปสู่ระดับที่ฝันไว้ได้ไม่ยาก
รอบแรกยิงได้ทุกนัด
ร่วมสร้างประวัติศาสตร์
อนุชา ไอดอลรุ่นพี่
กำลังโหลดความคิดเห็น