ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่นำทีมออกตรวจร้านจำหน่ายประทัด-ดอกไม้เพลิงสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวช่วงประเพณียี่เป็ง เตรียมคุมเข้มร้านค้า-ริมน้ำปิง-สะพานนวรัฐ-นครพิงค์ ลั่นหากเจอใครจุดประทัดยักษ์ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวในรถผู้ต้องขังทันทีก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย มั่นใจยี่เป็งปีนี้คนคึกคักเหมือนเคย คาดรายได้สะพัดกว่า 500 ล้าน
วันนี้ (19 พ.ย. ) นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นำคณะออกตรวจการจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงที่ร้านน้องก้อยดอกไม้ไฟ ถ.สิทธิวงศ์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตามแผนงานการออกตรวจร้านค้าจำหน่ายประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ในช่วงงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่
การออกตรวจร้านจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในมาตรการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ หลังจากพบว่าหลายปีที่ผ่านมาประทัดและดอกไม้เพลิงที่ประชาชนนำมาจุดเล่นในช่วงประเพณียี่เป็งนั้นได้สร้างความเสียหายทั้งต่อร่างกายและทรัพย์สิน รวมทั้งยังส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวบางส่วนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ในขณะที่นายทัศนัยได้เข้าตรวจสอบภายในร้าน พร้อมทั้งสอบถามถึงประทัดและดอกไม้ไฟชนิดต่างๆ ที่มีวางจำหน่าย พร้อมกันนี้ยังได้นำประทัดและดอกไม้ไฟบางส่วนที่เห็นว่าอาจมีอันตรายมาทดลองจุดให้ผู้สื่อข่าวได้ชมด้วย
นายทัศนัยกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจว่า ในช่วงประเพณียี่เป็งที่กำลังจะมาถึงนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ได้เน้นย้ำในประเด็นสำคัญต่างๆ อันได้แก่ การรณรงค์งดขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การละเว้นและเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยโคมลอย และการป้องกันและควบคุมการเล่นประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิง โดยในส่วนของการป้องกันและควบคุมประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิงจะดำเนินการใน 3 ส่วน ได้แก่
1. การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลฯ ทราบว่าในปีนี้ทางเทศบาลฯ จะควบคุมและห้ามเล่นประทัดยักษ์อย่างเด็ดขาด 2. การออกตรวจตราตามแหล่งจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจำหน่ายประทัดยักษ์ และ 3. การดำเนินมาตรการทางกฎหมายหากพบผู้เล่นหรือครอบครองประทัดยักษ์
นายทัศนัยกล่าวต่อว่า พื้นที่หลักๆ ที่จะมีการตรวจตราและควบคุมเป็นพิเศษได้แก่บริเวณริมฝั่งน้ำปิงทั้งหมด รวมทั้งบริเวณสะพานนวรัฐและสะพานนครพิงค์ ซึ่งเป็นจุดที่พบว่ามีการจุดประทัดยักษ์จำนวนมากในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจุดจากบนสะพานแล้วโยนลงมาด้านล่าง โดยในปีนี้จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ทั้งสองฝั่งของสะพาน หากพบว่ามีผู้นำประทัดยักษ์มาจุดเจ้าหน้าที่จะเข้าไปควบคุมตัวทันที ซึ่งหากจับกุมได้เบื้องต้นจะควบคุมตัวไว้ในรถห้องขังที่จะนำมาประจำการตามจุดต่างๆ ในเขตตัวเมืองก่อน จากนั้นจึงจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ในทางปฏิบัติการควบคุมประทัดยักษ์จะทำได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของการผลิตด้วยตนเอง แต่ทางเทศบาลฯ ยังคงต้องดำเนินการควบคุมและประชาสัมพันธ์ถึงอันตรายต่อไป เนื่องจากเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานแล้ว พบว่าการรณรงค์ถึงอันตรายและควบคุมการเล่นประทัดยักษ์สามารถลดปริมาณผู้บาดเจ็บจากการเล่นประทัดยักษ์ลงได้เป็นจำนวนมาก โดยในปี 2552 ซึ่งไม่มีการรณรงค์นี้มีผู้บาดเจ็บจากประทัดยักษ์กว่า 70 ราย แต่ในปี 2553 และปี 2554 พบว่าสถิติดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 30 และ 40 กว่าคนเท่านั้น
ด้านความคืบหน้าของการเตรียมงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่นั้น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่กล่าวว่า ขณะนี้การเตรียมงานต่างๆ มีความพร้อมกว่าร้อยละ 80 แล้ว โดยในวันที่ 25 พ.ย.ที่จะถึงนี้จะเปิดเทศกาลโคมไฟทั้ง 8 จุดทั่วตัวเมือง ตามด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินไปตามลำดับ ได้แก่ การเปิดงานประเพณียี่เป็งในวันที่ 27 พ.ย. การแห่ขบวนกระทงเล็กในวันที่ 28 พ.ย. และการแห่ขบวนกระทงใหญ่ในวันที่ 29 พ.ย.
ส่วนบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวนั้น แม้ในช่วงแรกจะมีความกังวลเนื่องจากช่วงเวลาของการจัดงานในปีนี้ไม่ตรงกับวันหยุด แต่จากการสอบถามข้อมูลจากผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ พบว่าขณะนี้มีการจองห้องพักตามโรงแรมต่างๆ 80-90% แล้ว จึงมั่นใจว่างานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ในปีนี้จะคึกคักเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา และน่าจะสร้างรายได้ให้แก่ จ.เชียงใหม่ถึงประมาณ 500 ล้านบาท
วันนี้ (19 พ.ย. ) นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นำคณะออกตรวจการจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงที่ร้านน้องก้อยดอกไม้ไฟ ถ.สิทธิวงศ์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตามแผนงานการออกตรวจร้านค้าจำหน่ายประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ในช่วงงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่
การออกตรวจร้านจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในมาตรการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ หลังจากพบว่าหลายปีที่ผ่านมาประทัดและดอกไม้เพลิงที่ประชาชนนำมาจุดเล่นในช่วงประเพณียี่เป็งนั้นได้สร้างความเสียหายทั้งต่อร่างกายและทรัพย์สิน รวมทั้งยังส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวบางส่วนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ในขณะที่นายทัศนัยได้เข้าตรวจสอบภายในร้าน พร้อมทั้งสอบถามถึงประทัดและดอกไม้ไฟชนิดต่างๆ ที่มีวางจำหน่าย พร้อมกันนี้ยังได้นำประทัดและดอกไม้ไฟบางส่วนที่เห็นว่าอาจมีอันตรายมาทดลองจุดให้ผู้สื่อข่าวได้ชมด้วย
นายทัศนัยกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจว่า ในช่วงประเพณียี่เป็งที่กำลังจะมาถึงนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ได้เน้นย้ำในประเด็นสำคัญต่างๆ อันได้แก่ การรณรงค์งดขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การละเว้นและเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยโคมลอย และการป้องกันและควบคุมการเล่นประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิง โดยในส่วนของการป้องกันและควบคุมประทัดยักษ์และดอกไม้เพลิงจะดำเนินการใน 3 ส่วน ได้แก่
1. การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลฯ ทราบว่าในปีนี้ทางเทศบาลฯ จะควบคุมและห้ามเล่นประทัดยักษ์อย่างเด็ดขาด 2. การออกตรวจตราตามแหล่งจำหน่ายประทัดและดอกไม้เพลิงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจำหน่ายประทัดยักษ์ และ 3. การดำเนินมาตรการทางกฎหมายหากพบผู้เล่นหรือครอบครองประทัดยักษ์
นายทัศนัยกล่าวต่อว่า พื้นที่หลักๆ ที่จะมีการตรวจตราและควบคุมเป็นพิเศษได้แก่บริเวณริมฝั่งน้ำปิงทั้งหมด รวมทั้งบริเวณสะพานนวรัฐและสะพานนครพิงค์ ซึ่งเป็นจุดที่พบว่ามีการจุดประทัดยักษ์จำนวนมากในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจุดจากบนสะพานแล้วโยนลงมาด้านล่าง โดยในปีนี้จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ทั้งสองฝั่งของสะพาน หากพบว่ามีผู้นำประทัดยักษ์มาจุดเจ้าหน้าที่จะเข้าไปควบคุมตัวทันที ซึ่งหากจับกุมได้เบื้องต้นจะควบคุมตัวไว้ในรถห้องขังที่จะนำมาประจำการตามจุดต่างๆ ในเขตตัวเมืองก่อน จากนั้นจึงจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ในทางปฏิบัติการควบคุมประทัดยักษ์จะทำได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของการผลิตด้วยตนเอง แต่ทางเทศบาลฯ ยังคงต้องดำเนินการควบคุมและประชาสัมพันธ์ถึงอันตรายต่อไป เนื่องจากเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานแล้ว พบว่าการรณรงค์ถึงอันตรายและควบคุมการเล่นประทัดยักษ์สามารถลดปริมาณผู้บาดเจ็บจากการเล่นประทัดยักษ์ลงได้เป็นจำนวนมาก โดยในปี 2552 ซึ่งไม่มีการรณรงค์นี้มีผู้บาดเจ็บจากประทัดยักษ์กว่า 70 ราย แต่ในปี 2553 และปี 2554 พบว่าสถิติดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 30 และ 40 กว่าคนเท่านั้น
ด้านความคืบหน้าของการเตรียมงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่นั้น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่กล่าวว่า ขณะนี้การเตรียมงานต่างๆ มีความพร้อมกว่าร้อยละ 80 แล้ว โดยในวันที่ 25 พ.ย.ที่จะถึงนี้จะเปิดเทศกาลโคมไฟทั้ง 8 จุดทั่วตัวเมือง ตามด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินไปตามลำดับ ได้แก่ การเปิดงานประเพณียี่เป็งในวันที่ 27 พ.ย. การแห่ขบวนกระทงเล็กในวันที่ 28 พ.ย. และการแห่ขบวนกระทงใหญ่ในวันที่ 29 พ.ย.
ส่วนบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวนั้น แม้ในช่วงแรกจะมีความกังวลเนื่องจากช่วงเวลาของการจัดงานในปีนี้ไม่ตรงกับวันหยุด แต่จากการสอบถามข้อมูลจากผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ พบว่าขณะนี้มีการจองห้องพักตามโรงแรมต่างๆ 80-90% แล้ว จึงมั่นใจว่างานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ในปีนี้จะคึกคักเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา และน่าจะสร้างรายได้ให้แก่ จ.เชียงใหม่ถึงประมาณ 500 ล้านบาท