หมดเวลา “ตอร์เรส”?

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หลังออกสตาร์ทศึกพรีเมียร์ชิป ฤดูกาล 2012-13 อย่างสุดหรู แต่ว่าตอนนี้ เชลซี ถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เบียดตกมารั้งอันดับ 2 ทว่า ช่วงห่างก็เพียงแค่แต้มเดียว โม่แข้งผ่านไป 10 นัด วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ดับเบิลแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ อังกฤษ เมื่อปีที่แล้ว เจออีกหนึ่งงานต้องเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับมือ ลิเวอร์พูล

เรียกได้ว่า โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ เตรียมเผชิญกับความกดดันแสนสาหัส เพราะสื่อเริ่มตีข่าวว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา สนเก้าอี้กุนซือ เชลซี ในฤดูกาลหน้า ซึ่งแน่นอนโปรไฟล์ระดับพา บาร์เซโลนา กวาดทุกแชมป์มาแล้วย่อมเป็นที่สนใจของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีเจ้าของทีมชาวรัสเซียเป็นธรรมดา ซึ่งผลงาน 4 นัดหลังสุดไม่นับ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มๆ อี นัด 4 ที่จะเปิดบ้านรับ ชัคเตอร์ โดเนตส์ค วันพุธที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (เชลซีชนะ 3-2) ก็ไม่สู้ดีชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 2 นัด

แต่ประเด็นที่อยากหยิบยกมาพูดถึงก็คือ อนาคตของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ถือว่าโยกย้ายแพงที่สุดบนเกาะอังกฤษ กับนานากระแสข่าวที่ว่าอาจจะถูกโละ เพราะ เชลซี จะดึง ราดาเมล ฟัลเกา หอกฟอร์มแรงของ แอตเลติโก มาดริด มาเสริมทัพพลังทำลายล้างแดนหน้าช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบสองเปิดทำการเดือนมกราคมนี้ หรือจะเป็นการยื่นหมูยื่นแมว ไม่ก็ดึงมาเล่นคู่กันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

อย่างไรก็ตาม ด้วยขุมกำลังกองกลางที่มีอยู่ และระบบการเล่นของ ดิ มัตเตโอ เป็นแบบหน้าเป้า จึงไม่มีการซื้อใครมาแทน ดิดิเยร์ ดร็อกบา เมื่อช่วงซัมเมอร์ และปล่อย โรเมลู ลูกากู ให้ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ยืมตัว เหลือแค่ ตอร์เรส กับ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น

ตอร์เรส พ้นโทษแบนจากใบเหลือง-แดงเกมลีกแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาถิ่น 2-3 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจากข้อหาพุ่งล้มคืนสนามแล้ว แต่ก็เล่นไม่เอาอ่าวเหมือน เดิมเกมที่ เชลซี บุกไปเสมอ สวอนซี ซิตี 1-1 ในศึกพรีเมียร์ชิป นัดล่าสุด แม้ว่าจะมีตัวสนับสนุนระดับพระกาฬอย่าง เอเดน ฮาซาร์ด, ออสการ์ และ ฆวน มาตา แต่การถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวแดนหน้าเกินไป ซึ่งถือว่าผิดธรรมชาติการเล่นของอดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ที่ชอบจบสกอร์ในกรอบเขตโทษมากกว่า จึงต้องถ่ายซ้าย-ขวา หรือถอยต่ำเพื่อมาเอาบอล เรียกได้ว่าต้องทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม

จึงไม่แปลกที่ทำให้ตัวเลขการจบสกอร์นับเฉพาะ พรีเมียร์ชิป ของ ตอร์เรส ตั้งแต่ย้ายจาก แอตมาดริด มาอยู่ถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อฤดูกาล 2007-08 ถดถอยไล่ตั้งแต่ 24, 14, 18, 10, 6 และ 4 ประตูตามลำดับ อาจจะด้วยเหตุผลอีกหลายประการไม่ว่าจะเป็นอายุที่ปาเข้าไป 28 ปีแล้ว จะมากระชากลากเลื้อยเข้าไปยิงประตูเหมือนฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล ที่เห็นกันจนชินตา 46 นัดยิง 33 ประตูลงไม่มีอีกแล้ว

โดย 10 นัดผ่าน เชลซี ยิงไป 22 ประตูเป็นผลงานของ ตอร์เรส ที่ได้ลงเล่นทุกนัดเพียงแค่ 4 ประตูเท่ากับ มาตา หาก ดิ มัตเตโอ ไม่ปรับสไตล์การเล่นให้เอื้อกับ ตอร์เรส มากกว่านี้ ก็ควรที่จะตัดสินใจปล่อยออกไป เพราะทู่ซี้ใช้งานก็จะไม่ส่งผลดีต่อทีม และนักเตะเองที่ปัจจุบันก็ไม่ได้การันตีตำแหน่งตัวจริงทีมชาติสเปนเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงขาลงของชีวิตแล้วก็ว่าได้ สูญเสียเรื่องความเร็ว และการตัดสินเด็ดขาดเรื่องจบสกอร์ เพราะต้องเล่นหน้าเป้า และเมื่อหงุดหงิดอะไรไม่ได้ดั่งใจทุกอย่างในเกมก็จะเสียไปหมด

ถ้าพูดถึงตัวแทนอย่าง ฟัลเกา วัย 26 ปีถือว่ากำลังพีกสุดขีดตั้งแต่อยู่กับ ปอร์โต ยิงรวมทุกรายการ 2 ฤดูกาล 72 ประตู ก่อนย้ายมาอยู่กับ แอต มาดริด ปีแรกก็ซัดไปถึง 36 ประตูได้แชมป์ ยูโรปา ลีก กับทั้งสองทีม ปีนี้ก็ซัดไปแล้ว 13 ประตูจาก 10 นัด เรื่องสถิติอย่าไปเทียบ เพราะตอร์เรส สู้ไม่ได้เลย หาก เชลซี อยากได้ตัวก็จะต้องทุ่มไม่น้อย ดังนั้น ก่อนจะถึงปีใหม่อีกราว 2 เดือนจากนี้เจ้าของฉายา “เอล นินโญ” จำเป็นต้องคืนฟอร์มเก่งโดยเร็วเพื่อทำให้ทีมตัดสินใจลำบากขึ้นตั้งแต่นัดเจอกับ ลิเวอร์พูล เลย เพราะน่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นชั้นดีในการเจอทีมเก่า

เรื่อง เซียนไก๋