เอเยนซี-พลิกปฎิทิน ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ ฤดูกาล 2012 ไปที่หน้าสุดท้ายคงไม่มีรายการไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าศึก "ทีอีบี บีเอ็นพี พาริบาส ดับเบิลยูที แชมเปียนชิปส์" ที่เมืองอิสตันบลู ประเทศตุรกี ชิงเงินรางวัลรวม 4.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 151 ล้านบาท) คัดเฉพาะมืออันดับ 1-8 ของโลกดวลแร็กเก็ตระบบแบ่งกลุ่มก่อนเข้าไปเจอกันแบบน็อกเอาท์รอบเซมิไฟนัล ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นแล้ววันอังคารที่ 23 ตุลาคมนี้แล้ว ทุกสายตาจับจ้องมาที่ วิคตอเรีย อซาเรนกา กับ เซเรนา วิลเลียมส์ แม้ว่าจะอยู่สายเดียวกัน แต่มีโอกาสโคจรมาเจอกันอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ
ถือเป็นครั้งแรกรอบ 40 ปีของ ดับเบิลยูทีเอ แชมเปียนชิปส์ ที่ผู้เล่นหมดมาจาก 8 ชาติที่แตกต่าง ได้มีการแบ่งกลุ่มออกมาแล้วคือสายสีแดง วิคตอเรีย อซาเรนกา (เบลารุส / มือ 1) เซเรนา วิลเลียมส์ (สหรัฐฯ / มือ 3) แองเจลิเก แคร์เบอร์ (เยอรมนี / มือ 5) หลี นา (จีน / มือ 8) และสายสีขาว มาเรีย ชาราโปวา (รัสเซีย / มือ 2) อักเนียสกา รัดวานสกา (โปแลนด์ / มือ 4) เปตรา ควิโตวา (เช็ก / มือ 6) ซารา เออร์รานี (อิตาลี / มือ 7) โดยมีตัวสำรองที่คอยสแตนด์บายคือ ซาแมนธา สโตเซอร์ (ออสเตรเลีย) และ มาริยง บาร์โตลี (ฝรั่งเศส)
สำหรับ อซาเรนกา 2012 คือปีทองของเธออย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนับตั้งแต่ปลดล็อกแชมป์ แกรนด์ สแลม แรก ศึก ออสเตรเลียน โอเพน กราฟผลงานก็พุ่งกระฉูดฉุดไม่อยู่ขึ้นรั้งมือ 1 ของโลก พร้อมเก็บสถิติกวาดชัย 26 แมตซ์รวดตั้งแต่เปิดฤดูกาล ถือเป็นสถิติที่ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว หลัง มาร์ตินา ฮินกิส ตำนานหวดเลือดสวิส ทำไว้ 37 แมตซ์ ปี 1997 จนถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ของรายการ แต่ขวากหนามสำคัญของเธอก็คือ เซเรนา เพราะ 4 ครั้งหลังสุดที่เจอกันแพ้รวดในปีนี้ โดยเฉพาะนัดชิง ยูเอส โอเพน ด้วยสกอร์ 1-2 เซต 2-6,6-2,5-7 ซึ่งถ้ารวมทั้งหมดยังถูกข่มมิดถึง 1-10 จึงถือเป็นบททดสอบสำคัญของสาววัย 23 ปีกับการยืนระยะเพื่อยึดบัลลังก์ต่อไปถึงฤดูกาลหน้า
ขณะที่ เซเรนา ขิงแก่วัย 31 ปีกลับมาอย่างยิ่งใหญ่โชว์ผลงานไม่เกรงใจสังขารจนถือเป็นปีแห่งความทรงจำกวาดแชมป์ แกรนด์ สแลม ทั้ง วิมเบิลดัน สมัยที่ 5 และ ยูเอส โอเพน รวมถึงเติมเต็มชีวิตนักเทนนิสด้วยเหรียญทอง โอลิมปิก ลอนดอน 2012 ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาอาการบาดเจ็บจนหลายคนมองข้ามเธอว่าเลยจุดที่ดีที่สุดในชีวิตไปแล้ว แถมสถิติข่มคู่แข่งอีก 7 คนคือ 35-5 โดยเธอมักทำผลงานได้ดีในรายการใหญ่ๆ แต่ว่าการหยุดพักยาวนับตั้งแต่คว้าแชมป์ที่ ฟลัชชิง เมโดวร์ โดยไม่มีโปรแกรมลงอุ่นเครื่องเหมือนหวดรายอื่นส่วนหนึ่งเพราะอายุอานามที่มากขึ้นจึงต้องเลือกลงเล่นน้อยทัวร์นาเมนต์กว่าใครเพื่อน อาจทำให้สนิมเกาะและต้องกระเสือกกระสนเล็กน้อยกับการผ่านรอบแบ่งกลุ่มที่ถือว่าแข็งกว่าสายสีขาวไปให้ได้ ซึ่งเมื่อเลยจุดนี้ไปแล้วก็ต้องยอมรับว่าหาใครมาหยุดยากจริงๆ โดยเฉพาะสถิติที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงชนะ 43 จาก 46 แมตช์หลังสุด
นอกจากเต็ง 1 ร่วมที่เกริ่นไปแล้ว อีกหนึ่งสาวงามเต็ง 3 คว้าแชมป์รายการนี้แม้ว่าเป็นมือ 2 ของโลกก็ตามคือ ชาราโปวา ทั้งที่ออกสตาร์ทปี 2012 ได้อย่างร้อนแรงเช่นกันคว้าแชมป์ เฟรนช์ โอเพน จนสามารถสะสม แกรนด์ สแลม ได้ครบทั้ง 4 รายการ รวมถึงเหรียญเงิน โอลิมปิก ที่ ลอนดอน แต่หลังจากเสร็จศึกที่ โรลังด์ การ์รอส ฟอร์มการเล่นดูดร็อปลงไปกลับเข้าอีหรอบเดิมเพราะมักจะแพ้ภัยตัวเองหลุดสมาธิตีเสียเองเป็นส่วนใหญ่ถือเป็นจุดบกพร่องที่ต้องเร่งแก้ไข อดีตมือ 1 ของโลกน่าจะผ่านคู่ต่อกรจากสายสีขาวได้ไม่ยาก เพราะชื่อชั้นและสถิติข่มอย่างชัดเจน ปัญหาก็อยู่ที่รอบเซมิไฟนัลเพราะไม่ว่าเจอ อซาเรนกา หรือ เซเรนา เป็นรองด้วยตัวเลข 4-7 และ 2-9 ตามลำดับถือว่าขาดมากเลยทีเดียว
ขณะที่หวดอีก 5 รายไล่ตั้งแต่ รัดวานสกา ที่พกดีกรีเข้าถึงรอบชิง วิมเบิลดัน ปีนี้, ควิโตวา แชมป์ วิมเบิลดัน ปี 2011, เออร์รานี เข้าถึงรอบชิง เฟรนช์ โอเพน ปีนี้, หลี นา อดีตแชมป์ เฟรนช์ โอเพน และ แคร์เบอร์ ที่จะต้องมี 1 รายเป็นตัวแปร โดยเฉพาะสายสีขาวเพื่อทะลุเข้าสู่รอบเซมิไฟนัลค่อนข้างที่จะก้ำกึ่งสูสีล้วนจะเป็นใครก็ได้ เพราะผลงานที่ผ่านมาก็เหมือนลมพัดผ่านยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นไฮไลท์จึงอยู่ที่ อซาเรนกา หากเล่นได้อย่างสูสีเหมือนแมตช์ล่าสุดที่เจอกับ เซเรนา ก็น่าจะมีลุ้นที่จะล้มยักษ์เช่นกัน เพราะเป็นรายการท้ายของฤดูกาลแล้วนอกจากฟอร์มแล้วยังมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาพัวพันทำให้สถานการณ์การแข่งขันสามารถพลิกไปพลิกมาได้ทุกวินาที
