น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จำนวน 79.5 ล้านบาท อัดฉีดแก่นักกีฬาคนพิการที่ไปสร้างชื่อคว้ามาได้ 8 เหรียญในพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 14 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เวลาประมาณ 19.00 น.วันอังคารที่ 11 กันยายน 2555 ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ รัฐบาลไทย นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานในพิธีเลี้ยงต้อนรับคณะนักกีฬาคนพิการที่เสร็จสิ้นภารกิจ “พาราลิมปิกเกมส์” ด้วยการคว้ามาได้ 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และสองเหรียญทองแดง พร้อมกับจัดให้มีการมอบเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติแก่เหล่าฮีโร่
เมื่อมาถึง “นายกฯปู” ได้กล่าวทักทายกับ พัทธยา เทศทอง นักกีฬาบอคเซียที่คว้ามาได้ 2 เหรียญทองจากประเภททีมและเดี่ยว โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชมเชยว่าเก่งมาก พร้อมกับถามไถ่ว่าดีใจหรือไม่ ซึ่ง พัทธยา ตอบรับไปว่าดีใจมาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยถามว่าจะนำเงินรางวัลที่ได้ไปทำอะไร นักกีฬาคนพิการคนเก่งตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “ผมจะเอาเงินไปสร้างสนามกีฬาบอคเซีย”
ซึ่งพอถึงพิธีการในงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเปิดนำว่า “ต้องขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาคนพิการทั้งหมดที่ได้เหรียญรางวัลพาราลิมปิกเกมส์ ดิฉันรู้สึกปลื้มใจ และภาคภูมิใจแทนนักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล วันนี้รัฐบาลร่วมกันจัดงานเลี้ยงทัพนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จึงอยากแสดงความยินดีอีกครั้ง แม้พวกท่านมีสภาพร่างกายไม่ครบสมบูรณ์ แต่ทุกคนมีจิตใจที่เกินร้อยทำให้ได้เหรียญกลับมา”
โดย รัฐบาลได้นำเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มามอบให้ฮีโร่พาราลิมปิกทั้งสิ้น 79.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเหรียญทอง 6 ล้านบาท เหรียญเงิน 4 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 2 ล้านบาท
ซึ่ง พัทธยา ได้ไปทั้งสิ้น 12 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 6 ล้านบาท และเงินสวัสดิการรายเดือน 6 ล้านบาท ขณะที่เพื่อนร่วมทีมบอคเซีย ทั้ง วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, มงคล จิตรเสงี่ยม และ วัชรพล วงษา รับเงินอัดฉีดไปคนละ 6 ล้านบาท เช่นเดียวกับฮีโร่เหรียญทองรายอื่นอย่าง สายสุนีย์ จ๊ะนะ วีลแชร์ฟันดาบ เอเป้ บุคคลหญิง ประเภท บี รวมทั้ง รุ่งโรจน์ ไทยนิยม เหรียญทองจากเทเบิลเทนนิส ก็ได้ไปคนละ 6 ล้านบาท
ส่วนเหรียญเงิน ประวัติ วะโฮรัมย์ ที่ได้มา 2 เหรียญเงิน จากวีลแชร์ เรซซิง 1,500 เมตร และประเภททีม 4x400 เมตร ทำให้ได้อัดฉีดไป 8 ล้านบาท ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวีลแชร์อย่าง สายชล คนเจน, โสภา อินทเสน และ ศุภชัย โกยทรัพย์ ได้คนละ 4 ล้านบาท เช่นเดียวกับตัวสำรอง พิเชษฐ์ กรุงเกต และสุขุม นามลุน สำหรับเหรียญทองแดง สายชล เหมาในวีลแชร์ เรซซิง 100 เมตร และประเภท 800 เมตร จึงได้อีก 4 ล้านบาท ทั้งนี้ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานมูลนิธิคณะกรรมการพาราลิมปิกประเทศไทย ควักกระเป๋าตบรางวัลเพิ่มแก่นักกีฬาคนพิการอีก 5.5 ล้านบาท
ขณะที่ “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยทิ้งท้ายว่า “จากการที่เราได้เห็นนักกีฬาสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ คว้าเหรียญรางวัลมามากมาย ทำให้คนไทยมีความสุข ผมจึงเซ็นอนุมัติให้ปรับเงินอัดฉีดนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์เพิ่มขึ้น จึงอย่างส่งเสริมกันต่อไป ตอนนี้เรามีแนวทางพัฒนากีฬาคนพิการ พยายามเฟ้นหาดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชาติ โดยก่อนบินไปลอนดอน นักกีฬา 50 คน ที่คว้าโควตาได้อัดฉีดคนละ 1 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงงบประมาณประจำปี 2554-2555 ที่เราให้อีก 100 ล้านบาท สำหรับการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย”
เวลาประมาณ 19.00 น.วันอังคารที่ 11 กันยายน 2555 ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ รัฐบาลไทย นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานในพิธีเลี้ยงต้อนรับคณะนักกีฬาคนพิการที่เสร็จสิ้นภารกิจ “พาราลิมปิกเกมส์” ด้วยการคว้ามาได้ 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และสองเหรียญทองแดง พร้อมกับจัดให้มีการมอบเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติแก่เหล่าฮีโร่
เมื่อมาถึง “นายกฯปู” ได้กล่าวทักทายกับ พัทธยา เทศทอง นักกีฬาบอคเซียที่คว้ามาได้ 2 เหรียญทองจากประเภททีมและเดี่ยว โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชมเชยว่าเก่งมาก พร้อมกับถามไถ่ว่าดีใจหรือไม่ ซึ่ง พัทธยา ตอบรับไปว่าดีใจมาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยถามว่าจะนำเงินรางวัลที่ได้ไปทำอะไร นักกีฬาคนพิการคนเก่งตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “ผมจะเอาเงินไปสร้างสนามกีฬาบอคเซีย”
ซึ่งพอถึงพิธีการในงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเปิดนำว่า “ต้องขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาคนพิการทั้งหมดที่ได้เหรียญรางวัลพาราลิมปิกเกมส์ ดิฉันรู้สึกปลื้มใจ และภาคภูมิใจแทนนักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล วันนี้รัฐบาลร่วมกันจัดงานเลี้ยงทัพนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จึงอยากแสดงความยินดีอีกครั้ง แม้พวกท่านมีสภาพร่างกายไม่ครบสมบูรณ์ แต่ทุกคนมีจิตใจที่เกินร้อยทำให้ได้เหรียญกลับมา”
โดย รัฐบาลได้นำเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มามอบให้ฮีโร่พาราลิมปิกทั้งสิ้น 79.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเหรียญทอง 6 ล้านบาท เหรียญเงิน 4 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 2 ล้านบาท
ซึ่ง พัทธยา ได้ไปทั้งสิ้น 12 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 6 ล้านบาท และเงินสวัสดิการรายเดือน 6 ล้านบาท ขณะที่เพื่อนร่วมทีมบอคเซีย ทั้ง วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, มงคล จิตรเสงี่ยม และ วัชรพล วงษา รับเงินอัดฉีดไปคนละ 6 ล้านบาท เช่นเดียวกับฮีโร่เหรียญทองรายอื่นอย่าง สายสุนีย์ จ๊ะนะ วีลแชร์ฟันดาบ เอเป้ บุคคลหญิง ประเภท บี รวมทั้ง รุ่งโรจน์ ไทยนิยม เหรียญทองจากเทเบิลเทนนิส ก็ได้ไปคนละ 6 ล้านบาท
ส่วนเหรียญเงิน ประวัติ วะโฮรัมย์ ที่ได้มา 2 เหรียญเงิน จากวีลแชร์ เรซซิง 1,500 เมตร และประเภททีม 4x400 เมตร ทำให้ได้อัดฉีดไป 8 ล้านบาท ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวีลแชร์อย่าง สายชล คนเจน, โสภา อินทเสน และ ศุภชัย โกยทรัพย์ ได้คนละ 4 ล้านบาท เช่นเดียวกับตัวสำรอง พิเชษฐ์ กรุงเกต และสุขุม นามลุน สำหรับเหรียญทองแดง สายชล เหมาในวีลแชร์ เรซซิง 100 เมตร และประเภท 800 เมตร จึงได้อีก 4 ล้านบาท ทั้งนี้ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานมูลนิธิคณะกรรมการพาราลิมปิกประเทศไทย ควักกระเป๋าตบรางวัลเพิ่มแก่นักกีฬาคนพิการอีก 5.5 ล้านบาท
ขณะที่ “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยทิ้งท้ายว่า “จากการที่เราได้เห็นนักกีฬาสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ คว้าเหรียญรางวัลมามากมาย ทำให้คนไทยมีความสุข ผมจึงเซ็นอนุมัติให้ปรับเงินอัดฉีดนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์เพิ่มขึ้น จึงอย่างส่งเสริมกันต่อไป ตอนนี้เรามีแนวทางพัฒนากีฬาคนพิการ พยายามเฟ้นหาดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชาติ โดยก่อนบินไปลอนดอน นักกีฬา 50 คน ที่คว้าโควตาได้อัดฉีดคนละ 1 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงงบประมาณประจำปี 2554-2555 ที่เราให้อีก 100 ล้านบาท สำหรับการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย”
