ยอดโปรมุ่งมั่นประชันฝีมือหวังครองถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติในการแข่งขันกอล์ฟระดับตำนานของประเทศรายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น” ครั้งที่ 43 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญ ณ สนามสุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ที่จะเปิดฉากดวลวงสวิงรอบแรกในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.)
โดยในช่วงบ่ายของวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา โปรกอล์ฟชั้นนำเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ความพร้อมก่อนแข่ง โดยมี 3 โปรไทยได้แก่ ถาวร วิรัตน์จันทร์, ประหยัด มากแสง และพรหม มีสวัสดิ์ ร่วมด้วยโปรมือดีจากยุโรป ได้แก่ พอล แมคกินลีย์ เดวิด โฮเวล และคริส วูด ต่างมุ่งหวังถึงการคว้าชัยในรายการแข่งขันอันเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยให้ได้ในสัปดาห์นี้
ถาวร วิรัตน์จันทร์ ที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มหลังคว้าแชมป์ลาวโอเพ่นและควีนส์คัพ เผยว่า ”ผมว่าเคล็ดลับของชัยชนะขึ้นอยู่กับจังหวะการเล่น การคว้าแชมป์ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะประสบการณ์ ส่วนความหวังในรายการนี้ ยอมรับว่าสภาพสนามดีมาก ปีที่แล้วรัฟสูง พอลูกจมรัฟ เราก็สู้ไม่ได้ และปีนี้รัฟค่อนข้างง่ายกว่าปีที่แล้ว เชื่อว่านักกอล์ฟไทยจะเล่นได้ดี และสนามยังเปิดโอกาสให้เรามาซ้อมก่อน ซึ่งเราน่าจะได้เปรียบ คิดว่าคนไทยน่าจะเข้ารอบมากกว่าปีที่แล้ว”
ทางด้าน พรหม มีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟไทยที่ถูกจับตามากที่สุดที่จะเป็นแชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น เช่นเดียวกับ สุเทพ มีสวัสดิ์ บิดาของเขา โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “ผมมีโอกาสเห็นถ้วยแชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ของพ่อตั้งไว้ที่บ้านตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าผมใฝ่ฝันว่าสักวันต้องทำให้ได้ แต่วันนี้วาสนาอาจจะยังมีไม่ถึง ซึ่งนักกอล์ฟไทยทุกคนต่างก็อยากเป็นแชมป์รายการนี้เช่นกัน และเชื่อว่าถ้ารายการนี้ยังจัดแข่งในประเทศไทย ต้องมีคนไทยได้แชมป์แน่นอน”
“สำหรับสภาพร่างกายของผมตอนนี้ค่อนข้างสมบูรณ์ จะมีแค่อาการเจ็บหลังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สภาพสนามโดยรวมปีนี้รัฟง่ายกว่าปีที่แล้ว แต่จะเจออุปสรรคลมในช่วงบ่ายมากกว่า ที่ผ่านมาผลงานในรายการนี้อาจยังไม่ดีที่สุด อาจเป็นเพราะกดดันจากการที่เราคาดหวังมากไป มาคราวนี้เราคุ้นเคยสนามมากขึ้นแล้ว ส่วนสกอร์จะเป็นอย่างไรก็ต้องขึ้นกับบนกรีนต้องขึ้นเหลี่ยมให้ดี อ่านไลน์ให้ขาด พัตต์ให้ได้ มีโอกาสแน่นอนครับ” ผมกล่าวทิ้งท้าย
ส่วน ประหยัด มากแสง ซึ่งเกือบได้แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น เมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้โชคร้ายอาการบาดเจ็บข้อศอกขวากำเริบ (เทนนิสเอลโบว์) หลังจากหวดรัฟหลุม 13 ในรอบโปรแอมเมื่อวันอังคาร (7 ส.ค.) เขากล่าวว่า “ผมเจ็บข้อศอกขวามาประมาณ 3 ปีแล้ว ก่อนไปแข่งดิโอเพ่นก็ให้หมอฉีดยาอาการก็หายไป แต่พอมาซ้อมที่นี่เมื่อวันจันทร์ก็เริ่มเจ็บ และวันอังคารมาแข่งรอบโปรแอมไปตีเข้ารัฟที่หลุม 13 รู้สึกเจ็บมากจนต้องยกเลิกโปรแอม วันนี้ยังไม่ได้จับไม้กอล์ฟเลย พยายามรักษาร่างกายให้ดีที่สุด รวมถึงทานยา นวด ประคบน้ำแข็ง แต่อาการน่าจะดีขึ้นเพื่อแข่งขันวันแรกพรุ่งนี้”
ทางด้าน พอล แมคกินลีย์ โปรชาวไอร์แลนด์เจ้าของ 4 แชมป์ยูโรเปี้ยน ทัวร์ และ 3 แชมป์ครั้งติดต่อกันในทีมไรเดอร์ คัพ กล่าวว่า “ผมรอคอยการแข่งขันไทยแลนด์โอเพ่นในสัปดาห์นี้ ช่วงนี้เป็นช่วงพักจากยูโรเปี้ยนทัวร์ การมาเล่นในแถบเอเชียถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี เคล็ดลับของชัยชนะคือต้องอดทน รอบคอบ ผมมีประสบการณ์ได้รองแชมป์หลายครั้ง แต่ไม่เคยท้อ ต้องพยายามต่อไป สภาพสนามสุวรรณถือว่าสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ สภาพกรีนดีมาก แม้ระยะจะไม่ยาวมากแบบในยูโรเปี้ยนทัวร์แต่ก็ไม่ง่าย เพราะมีอุปสรรคน้ำมาก แต่ก็มีโอกาสทำเกมได้ การที่โปรไทยไม่ค่อยได้แชมป์รายการนี้อาจมีปัจจัยหลายอย่าง มันเป็นความกดดัน แต่ผมอยากให้มองเป็นความกดดันในด้านดีที่ทำให้โปรไทยทุกคนจะต้องพยายามให้เต็มที่ เล่นให้ดีที่สุดเพื่อโอกาสชนะได้ครองถ้วยพระราชทานก็จะง่ายขึ้น”
สำหรับการแข่งขันกอล์ฟ ไทยแลนด์ โอเพ่น ทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคมนี้ มีนักกอล์ฟเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 168 คน โดยเป็นโปรไทย 35 คน และนักกอล์ฟสมัครเล่นของไทยอีก 10 คน ซึ่งการแข่งขันรอบแรก (9 ส.ค.) กลุ่มแรกเริ่มเวลา 06.18 น.