“น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักตบลูกขนไก่สาวดาวโรจน์ของไทย ร่ำไห้หลังพลาดท่าพ่ายคูู่แข่งจากจีน ในรอบก่อนรองชนะเลิศของศึกแบดมินตันโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ประเทศอังกฤษ เจ้าตัวรับพยายามที่จะเร่งปิดเกมในเซตที่ 2 จนพลาดท่า พร้อมกันนี้ ยังกล่าวขอบคุณแฟนกีฬาชาวไทยที่นอนดึกเอาใจช่วยตลอดทัวร์นาเมนต์ ขณะที่ “โค้ชพล” สมพล คูเกษมกิจ มั่นใจนักแบดสาวรายนี้จะกลับมาอีกครั้งในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล ในอีก 4 ปีข้างหน้า
หลังจาก น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ต้องพ่ายให้กับนักแบดสาวจากจีน ไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 เซตในการแข่งขันโอลิมปิก 2012 รอบ 8 คนสุดท้ายเมื่อวันพฤหัสที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมาโดยหลังเกม น้องเมย์ ที่เดินร้องไห้มาหาสื่อไทย ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า “รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ แม้ก่อนแข่งจะรู้ดีว่าคู่ต่อสู้แต่ละคนนั้นมีประสบการณ์มากกว่า แต่เมื่อลงสนามแข่งแล้วความตั้งใจเดียวของเมย์ คือ เอาชนะให้ได้วันนี้จุดเปลี่ยนอยู่ในเซตที่สอง ตอนนั้นพยายามจะเร่งเกมเพื่อปิดแมทช์แต่ไปเร่งผิดจังหวะเนื่องจากคู่ต่อสู้กำลังแก้เกมเราอยู่ พอยิ่งเร่งความผิดพลาดก็ยิ่งมากสุดท้ายแล้วเขาก็ตามมาทันแล้วเอาชนะเราไปได้”
ทั้งนี้ น้องเมย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อันที่จริงแล้ว เมย์ ใจร้อนมากไป เพราะเวลาลงสนามแข่งแล้วขึ้นนำ ก็ชอบคิดว่าตนเองต้องซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี และคิดว่า ประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนี้จะนำกลับไปปรับปรุงและพัฒนาตนเอง” ส่วนอาการหมดแรงในเซตที่สาม รวมไปถึงอาการบาดเจ็บนั้น น้องเมย์ กล่าวว่า “ที่หมดแรงในช่วงเซตสามนั้น เป็นเพราะเราใส่หมดในเซตที่สอง เนื่องจากต้องการปิดแมตช์ ไม่ได้เผื่อแรงไว้พอต้องเล่นต่อเลย ไม่ได้เผื่อแรงไว้ แล้วที่บาดเจ็บจนต้องให้แพทย์สนามมาดูนั้น เป็นเพราะรู้สึกแสบที่ฝ่าเท้า มันมีอาการมาตั้งแต่ช่วงปลายเซตสองแล้ว แต่ไม่ได้ผลอะไรกับการแข่งขัน”
พร้อมกันนี้ อดีตแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย ยังได้กล่าวขอบคุณชาวไทย ว่า “เมย์ขอบคุณคนไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจ เวลานี้ทีมแบดไทยได้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าไม่เป็นรองใคร และสู้ได้ในทุกทัวร์นาเมนต์ ในโอลิมปิกครั้งนี้ เมย์ไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้แต่ในอีก 4 ปีข้างหน้า สัญญาว่า จะต้องไปถึงสิ่งที่ทุกคนในประเทศต้องการให้ได้” นอกจากนี้น้องเมย์ ยังทิ้งท้ายถึงประสบการณ์ในโอลิมปิกครั้งแรกของตนเอง ว่า “โอลิมปิกครั้งนี้ได้ให้ประสบการณ์เมย์หลายอย่าง และจากการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้ เมย์ ต้องนำกลับไปปรับปรุงและพัฒนาตนเองในเรื่องของสมาธิที่ต้องดีกว่านี้ต้องไม่ใจร้อนจนเสียรูปเกม”
ขณะที่ โค้ช สมพล คูเกษมกิจ ได้กล่าวถึงผลงานของน้องเมย์ ในโอลิมปิกครั้งแรกที่เกือบเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ว่า “ต้องยอมรับว่า แมตช์นี้สกอร์ต้องสองเซต แต่จุดเปลี่ยนในเซตที่สองซึ่งคู่แข่งจากจีนเขาเปลี่ยนมาเป็นเสิร์ฟหน้า ทำให้เราที่กำลังทำแต้มไหล เกิดจังหวะสะดุด ส่วนตัวแล้วเสียดาย แม้จะรู้ว่าสายการแข่งขันนั้นโหดหินขนาดไหน แต่การที่น้องเมย์สู้มาได้ขนาดนี้ ถือว่าเหนือความคาดหวังมาก เนื่องจากน้องเมย์ นั้น ประสบการณ์เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้ทุกคนถือว่าน้อยมาก และด้วยอายุเพียง 17 ปี อาจจะยังควบคุมสมาธิตนเองได้ไม่ดีนัก อันที่จริงแล้ว น้องเมย์ นั้น ถูกวางตัวไว้ว่าจะประสบความสำเร็จสูงสุดในโอลิมปิกปี 2016 เพียงแต่ปีนี้พอเขาทำผลงานมาได้ถึงขนาดนี้ทุกคนก็เลยมีความหวัง แต่อยากจะบอกว่าน้องเมย์ได้ทำดีที่สุดแล้ว ต่อจากนี้เพียงแค่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ปรับปรุงเรื่องสมาธิรับรองว่าไปได้อีกไกล”
ด้าน คุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้จัดการทีมได้ให้สัมภาษณ์หลังทีมแบดมินตันไทยทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ ว่า “ต้องยอมรับว่า นักกีฬาของเราทุกคนทำผลงานกันอย่างเต็มที่ แต่คู่ต่อสู้จากทุกชาติต่างแข็งแกร่ง ซึ่งประสบการณ์ในครั้งนี้เราจะนำไปปรับปรุงต่อไป และที่สำคัญ คือ เราได้เห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของนักกีฬาแต่ละคน ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน
หลังจาก น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ต้องพ่ายให้กับนักแบดสาวจากจีน ไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 เซตในการแข่งขันโอลิมปิก 2012 รอบ 8 คนสุดท้ายเมื่อวันพฤหัสที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมาโดยหลังเกม น้องเมย์ ที่เดินร้องไห้มาหาสื่อไทย ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า “รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ แม้ก่อนแข่งจะรู้ดีว่าคู่ต่อสู้แต่ละคนนั้นมีประสบการณ์มากกว่า แต่เมื่อลงสนามแข่งแล้วความตั้งใจเดียวของเมย์ คือ เอาชนะให้ได้วันนี้จุดเปลี่ยนอยู่ในเซตที่สอง ตอนนั้นพยายามจะเร่งเกมเพื่อปิดแมทช์แต่ไปเร่งผิดจังหวะเนื่องจากคู่ต่อสู้กำลังแก้เกมเราอยู่ พอยิ่งเร่งความผิดพลาดก็ยิ่งมากสุดท้ายแล้วเขาก็ตามมาทันแล้วเอาชนะเราไปได้”
ทั้งนี้ น้องเมย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อันที่จริงแล้ว เมย์ ใจร้อนมากไป เพราะเวลาลงสนามแข่งแล้วขึ้นนำ ก็ชอบคิดว่าตนเองต้องซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี และคิดว่า ประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนี้จะนำกลับไปปรับปรุงและพัฒนาตนเอง” ส่วนอาการหมดแรงในเซตที่สาม รวมไปถึงอาการบาดเจ็บนั้น น้องเมย์ กล่าวว่า “ที่หมดแรงในช่วงเซตสามนั้น เป็นเพราะเราใส่หมดในเซตที่สอง เนื่องจากต้องการปิดแมตช์ ไม่ได้เผื่อแรงไว้พอต้องเล่นต่อเลย ไม่ได้เผื่อแรงไว้ แล้วที่บาดเจ็บจนต้องให้แพทย์สนามมาดูนั้น เป็นเพราะรู้สึกแสบที่ฝ่าเท้า มันมีอาการมาตั้งแต่ช่วงปลายเซตสองแล้ว แต่ไม่ได้ผลอะไรกับการแข่งขัน”
พร้อมกันนี้ อดีตแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย ยังได้กล่าวขอบคุณชาวไทย ว่า “เมย์ขอบคุณคนไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจ เวลานี้ทีมแบดไทยได้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าไม่เป็นรองใคร และสู้ได้ในทุกทัวร์นาเมนต์ ในโอลิมปิกครั้งนี้ เมย์ไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้แต่ในอีก 4 ปีข้างหน้า สัญญาว่า จะต้องไปถึงสิ่งที่ทุกคนในประเทศต้องการให้ได้” นอกจากนี้น้องเมย์ ยังทิ้งท้ายถึงประสบการณ์ในโอลิมปิกครั้งแรกของตนเอง ว่า “โอลิมปิกครั้งนี้ได้ให้ประสบการณ์เมย์หลายอย่าง และจากการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้ เมย์ ต้องนำกลับไปปรับปรุงและพัฒนาตนเองในเรื่องของสมาธิที่ต้องดีกว่านี้ต้องไม่ใจร้อนจนเสียรูปเกม”
ขณะที่ โค้ช สมพล คูเกษมกิจ ได้กล่าวถึงผลงานของน้องเมย์ ในโอลิมปิกครั้งแรกที่เกือบเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ว่า “ต้องยอมรับว่า แมตช์นี้สกอร์ต้องสองเซต แต่จุดเปลี่ยนในเซตที่สองซึ่งคู่แข่งจากจีนเขาเปลี่ยนมาเป็นเสิร์ฟหน้า ทำให้เราที่กำลังทำแต้มไหล เกิดจังหวะสะดุด ส่วนตัวแล้วเสียดาย แม้จะรู้ว่าสายการแข่งขันนั้นโหดหินขนาดไหน แต่การที่น้องเมย์สู้มาได้ขนาดนี้ ถือว่าเหนือความคาดหวังมาก เนื่องจากน้องเมย์ นั้น ประสบการณ์เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้ทุกคนถือว่าน้อยมาก และด้วยอายุเพียง 17 ปี อาจจะยังควบคุมสมาธิตนเองได้ไม่ดีนัก อันที่จริงแล้ว น้องเมย์ นั้น ถูกวางตัวไว้ว่าจะประสบความสำเร็จสูงสุดในโอลิมปิกปี 2016 เพียงแต่ปีนี้พอเขาทำผลงานมาได้ถึงขนาดนี้ทุกคนก็เลยมีความหวัง แต่อยากจะบอกว่าน้องเมย์ได้ทำดีที่สุดแล้ว ต่อจากนี้เพียงแค่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ปรับปรุงเรื่องสมาธิรับรองว่าไปได้อีกไกล”
ด้าน คุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้จัดการทีมได้ให้สัมภาษณ์หลังทีมแบดมินตันไทยทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ ว่า “ต้องยอมรับว่า นักกีฬาของเราทุกคนทำผลงานกันอย่างเต็มที่ แต่คู่ต่อสู้จากทุกชาติต่างแข็งแกร่ง ซึ่งประสบการณ์ในครั้งนี้เราจะนำไปปรับปรุงต่อไป และที่สำคัญ คือ เราได้เห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของนักกีฬาแต่ละคน ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน