ASTVผู้จัดการรายวัน-"เสธยอด" พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย เผยนักยกน้ำหนักทีมชาติชุดนี้ทั้งหญิงและชายนับเป็นเลือดใหม่ของสมาคมฯ พร้อมเชื่อมั่นผลงานอีกสี่ปีข้างหน้าที่ ริโอ เดอ จาเนโร จะต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน ขณะที่ "น้องแต้ว" พิมศิริ ศิริแก้ว เตรียมแก้บนที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนเงินอัดฉีดนั้นขอเก็บไว้เป็นทุนสำหรับอนาคตต่อไป
ทัพนักกีฬาไทยประเดิมเหรียญรางวัลแรกจากผลงานของ พิมศิริ ศิริพิม จอมพลังสาวไทยที่ใช้หัวใจนักสู้จนสามารถเบียดคู่ต่อสู้คว้าเหรียญเงินการแข่งขันยกน้ำหนักหญิง รุ่น 58 กิโลกรัมได้สำเร็จเมื่อวันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังจากขึ้นรับเหรียญรางวัลพร้อมด้วยภาพพระบรมฉายาลักษณ์ "น้องแต้ว" ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังผ่านขั้นตอนการตรวจสารกระตุ้นถึงความสำเร็จของเธอว่า "ตอนที่ทำน้ำหนักได้ไม่ดีในท่าสแนชรู้สึกใจแป้วไปเลยเพราะเหมือนเราจะเสียเปรียบคู่แข่งหลายด้าน แล้ว "เสธฯ" ก็เดินมาหาพร้อมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วบอกเราว่าเกมยังไม่จบ ตรงนั้นทำให้สมาธิของตนเองกลับมาและคิดได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงเป็นนักกีฬาที่สู้จนได้เหรียญรางวัลมาแล้ว เราในฐานะนักกีฬาที่รับใช้ชาติก็ต้องดำเนินตามรอยท่านให้ได้"
“น้องแต้ว” ยังเผยด้วยว่าได้โทรศัพท์ไปหาบิดาที่บ้านเกิดจังหวัดขอนแก่น ซึ่งพ่อก็ได้ชื่นชมเราที่มีใจเป็นนักสู้ และ ขอให้ทำผลงานต่อไป ซึ่งตรงกับความตั้งใจของตนเองที่ปัจจุบันอายุเพียง 22 ปีและประกาศรับใช้ทีมชาติต่อไปโดยหวังจะทำให้ดีกว่าเหรียญเงินให้ได้ใน โอลิมปิก อีกสี่ปีข้างหน้า ส่วนเงินอัดฉีดจำนวน 6 ล้านบาทเจ้าตัวเผยว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้คิดวางแผนใช้เงินอะไรขอเก็บเอาไว้เป็นทุนรอนในอนาคตดีกว่า” ขณะที่สิ่งแรกที่ พิมศิริ ตั้งใจจะทำเมื่อกลับถึงเมืองไทยคือเดินทางไปแก้บนที่ ศาลสมเด็จพระนเรศวรที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก่อนเดินทางมายังโอลิมปิก ได้บนเอาไว้ว่าถ้าได้เหรียญรางวัล จะเอาไก่สองตัวไปถวาย ส่วน รัตติกาล กุลน้อย ที่จบด้วยอันดับที่ 4 นั้น ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ครั้งแรกของตนเองในโอลิมปิกรู้สึกเสียดายแต่ไม่เสียใจ ประกาศลั่นว่าโอลิมปิกสี่ปีข้างหน้าจะต้องทำให้ได้”
ภายหลังนักกีฬาของสมาคมฯ สามารถคว้าเหรียญรางวัลแรกในโอลิมปิกให้คนไทยได้ภูมิใจ เสธ.ยอด ในฐานะนายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าวันนี้เป็นวันที่ผมดีใจมากที่สุด เพราะเหรียญเงินของ พิมศิริ นั้นเปรียบเสมือนธงไทยได้ถูกปักลงในลอนดอนเกมส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความสำเร็จทั้งหมดต้องยกความดีให้กับนักกีฬาที่สู้ไม่ถอย”
สำหรับผลงานของ พิมศิริ ที่ได้เหรียญเงินนั้น "เสธยอด" เผยว่า “พิมศิริ เรียกได้ว่าเป็นเลือดใหม่ของสมาคมฯ เพราะอายุเพียง 22 ปีถือว่ายังสามารถรับใช้ชาติได้ในอีกสี่ปีข้างหน้าและผมเชื่อมั่นว่าจะแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน ส่วนรัตติกาล นั้นแม้ครั้งนี้จะไม่ได้เหรียญรางวัล แต่จบด้วยอันดับที่ 4 ผมว่าน่าพอใจขณะเดียวกันอายุยังน้อยเพียงแค่ 18 ปีและส่วนสูงแบบนี้ มีโอกาสที่ รัตติกาล อาจต้องขยับน้ำหนักไปอยู่ในรุ่น 63 กก. ซึ่งคิดว่าจะเป็นผลดีเพราะจะได้เปรียบคู่แข่งในรุ่นเดียวกัน อยากจะเรียนพี่น้องชาวไทยว่านักยกน้ำหนักทั้งชายและหญิงชุดนี้ของเราเรียกได้ว่าเป็นเลือดใหม่ของสมาคม ฯ ซึ่งนอกจากโอลิมปิกแล้วในซีเกมส์ที่จะมีขึ้นในปีหน้า รวมไปถึงเอเชี่ยนเกมส์ เด็กเหล่านี้ต้องได้เก็บประสบการณ์อีกมากก่อนถึงการแข่งขันใหญ่ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นผมเชื่อว่านักยกน้ำหนักไทยจะต้องเป็นความหวังเหรียญรางวัลได้อย่างแน่นอน”
ส่วนเงินอัดฉีดที่ทางสมาคมฯ เคยประกาศเอาไว้ก่อนมา ลอนดอน เกมส์ เสธ.ยอด เผยว่า “เราก็จะจัดการตามที่ได้เคยให้ข่าวเอาไว้จากเงินที่ทางกองทุนพัฒนานักกีฬาให้มา 150 เปอร์เซนต์ นั้นทางสมาคมจะแบ่งออกเป็นของนักกีฬา 100 เปอร์เซนต์ และ เป็นส่วนของสมาคมและผู้ฝึกสอนอีก 50 เปอร์เซนต์ โดยในส่วนของนักกีฬานั้น "พิมศิริ" จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 6 ล้านบาทโดยกองทุนฯจะจ่ายเป็นเงินสดให้จำนวน 3 ล้านบาทจากนั้นจะจ่ายเป็นสวัสดิการในรูปเงินเดือน 20 ปีรวม 3 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะแบ่งให้กับนักกีฬา 85 เปอร์เซนต์ ที่เหลืออีก 10 เปอร์เซนต์ทางสมาคมจะยกให้กับนักกีฬาที่แข่งขันสะสมคะแนนจนได้โควต้าอีกสองคนที่ถูกตัดคือ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล และ พรชัย ลบศรี และ อีกห้าเปอร์เซนต์จะเข้ากองทุนยกน้ำหนักและผู้ฝึกสอน”
ส่วนเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติที่ให้กับสมาคมฯ 30 เปอร์เซนต์ และผู้ฝึกสอน 20 เปอร์เซนต์ นั้น จะนำมารวมกันเป็น 50 เปอร์เซนต์โดยจะแบ่งให้ผู้ฝึกสอนไทย 10 เปอร์เซนต์, ผู้ฝึกสอนชาวจีน 2 คน คนละ 10 เปอร์เซนต์ รวมเป็น 20 เปอร์เซนต์ นักกีฬาหญิงได้เหรียญผู้ฝึกสอนทีมชายได้ 3 เปอร์เซนต์ และหากทีมชายได้เหรียญรางวัล ทีมงานหญิงได้ 3 เปอร์เซนต์จากการจัดสรรแบบนี้จะทำให้ สมาคมจะเหลือเงินประมาณ 17-18 เปอร์เซนต์
โดยทีมยกน้ำหนักไทยจะเดินทางกลับเมืองไทยในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม และ ถึงเมืองไทยในวันที่ 5 สิงหาคม เวลาประมาณ 15.00 น. ทั้งนี้ "เสธยอด" ได้กล่าวถึงภาพรวมของทีมยกน้ำหนักไทยว่า "ก่อนเดินทางมาลอนดอน สมาคมมตั้งเป้าไว้ที่เหรียญทอง แต่ เมื่อได้เหรียญเงินมาครองก็ไม่ได้ถือว่าล้มเหลวแต่อย่างใด โดยภาพรวมแล้วเป็นที่น่าพอใจมาก" นายกสมาคมคนดังเผยทิ้งท้าย