คอลัมน์ “The Golf Touch” โดย “วันปีย์ สัจจมาร์ค”
สนาม รอยัล ลิทแฮม และ เซ็นต์แอนด์ เป็นสังเวียนของกอล์ฟ ดิ โอเพ่น 2012ซึ่งถือว่าเป็นกอล์ฟรายการเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมมากที่สุดรายการหนึ่ง โดยเป็นเมเจอร์เดียวจากทั้ง 4 รายการที่เล่นนอกแผ่นดินสหรัฐอเมริกา และมีสภาพสนามที่แตกต่างออกไปจากรายการเมเจอร์อื่นอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่น การวางแผน หรือการแก้ไขจากอุปสรรคต่างๆ จึงทำให้รายการ ดิ โอเพ่น เป็นไฮไลต์ที่เหล่าบรรดาผู้ชมทั่วโลกมักจะหลงไหลไปกับเสน่ห์ของเมเจอร์รายการนี้
สภาพของสนามที่ใช้ในการแข่ง ดิ โอเพ่น จะเป็นสนามที่เรียกว่า Links Course ซึ่งคำว่า “Links” มาจากคำศัพท์สก็อตติชคำว่า “Hlincs” แปลว่า "พื้นที่ๆเป็นเนิน ส่วนมากจะเป็นชายหาดหรือประกอบทราย ซึ่งไม่เหมาะกับการสร้างบ้าน"
เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นสนามที่อยู่ใกล้กับทะเล สภาพอากาศมักจะลมแรง หนาวสลับฝนอยู่เป็นประจำ ด้วยองค์ประกอบทางธรรมชาติเหล่านี้ จึงเป็นส่วนสำคัญในการเนรมิตสนามให้มีลักษณะเฉพาะตัวคือ พื้นสนามจะค่อนข้างแห้งและแข็ง หญ้าที่ปลูกในแฟร์เวย์ที่มักจะเป็นลอนเป็นคลื่นนั้นก็จะยาวช้ามาก ทำให้ดูสั้นเตียนตลอดเวลา ประกอบกับกรีนที่มีขนาดใหญ่(ปลูกบ้านได้ 2 หลังสบายๆ) ผิวกรีนก็จะแข็งและดูมีเนินค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน ข้อดีของสนามลักษณะนี้มีอยู่อย่างเดียวคือ รัฟน้อยมาก...เนื่องจากถัดจากรัฟไปก็จะกลายเป็นพงหญ้าสูงเลยหัวเข่าไปเลย!
ด้วยปัจจัยจากสภาพสนาม รวมกันกับสภาพอากาศที่มักจะแปรปวน มีลมเป็นปัจจัยหลักอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราได้เห็นช็อตเทพจากบรรดาโปรที่เข้าแข่งขันมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเป็นช็อตที่เราจะไม่ค่อยคุ้นเคยจากการแข่งขันรายการอื่นที่ไม่ใช่ link courseเท่าไรนัก เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ศึกษาจากการดูช็อตเหล่านี้เช่น ในสภาวะทวนลมแรงๆทำให้การตีไดร์ฟเวอร์แทงลูกพุ่งต่ำกลายที่เป็นเรื่องปกติ หรือพัตต์จากนอกกรีนระยะ 30หลาก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเราก็ควรจะสังเกตการให้ไลน์ การให้น้ำหนัก จนกระทั่งวิธีการสโตรคลูก
ที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นช็อตจินตนาการเหนือความคาดหมายต่างๆที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องงัดนำมาใช้ต่อสู้กับสนามลักษณะดังกล่าว และในการศึกษาช็อตเทพเหล่านี้ เราควรจะดูว่าเขาต้องเล่นเพราะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? ตำแหน่งลูกอยู่เป็นยังไง? แล้ววิธีเล่นเป็นทำอย่างไร? ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจที่จะสามารถนำมาปรับใช้หรือพัฒนาให้กับตัวเรา
ผู้ที่ต้องการศึกษาวิธีการเล่น การวางแผน การแก้ไขเจ๋งๆ ผมแนะนำว่าพลาดไม่ได้ด้วยด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะผู้เล่นที่อยู่ในสายพันธุ์ Feel มากกว่า Machanic จะต้องชอบกอล์ฟ ดิ โอเพ่น เป็นพิเศษแน่ๆ เพราะการได้เห็นช็อตจินตนาการมาพร้อมกับความรู้สึกที่ลงตัว มันทำให้คนบ้ากอล์ฟอย่างเรามีความสุขและคันไม้คันมืออยากจะลงไปหวดเองทุกครั้งที่ได้ดู
สนาม รอยัล ลิทแฮม และ เซ็นต์แอนด์ เป็นสังเวียนของกอล์ฟ ดิ โอเพ่น 2012ซึ่งถือว่าเป็นกอล์ฟรายการเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมมากที่สุดรายการหนึ่ง โดยเป็นเมเจอร์เดียวจากทั้ง 4 รายการที่เล่นนอกแผ่นดินสหรัฐอเมริกา และมีสภาพสนามที่แตกต่างออกไปจากรายการเมเจอร์อื่นอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่น การวางแผน หรือการแก้ไขจากอุปสรรคต่างๆ จึงทำให้รายการ ดิ โอเพ่น เป็นไฮไลต์ที่เหล่าบรรดาผู้ชมทั่วโลกมักจะหลงไหลไปกับเสน่ห์ของเมเจอร์รายการนี้
สภาพของสนามที่ใช้ในการแข่ง ดิ โอเพ่น จะเป็นสนามที่เรียกว่า Links Course ซึ่งคำว่า “Links” มาจากคำศัพท์สก็อตติชคำว่า “Hlincs” แปลว่า "พื้นที่ๆเป็นเนิน ส่วนมากจะเป็นชายหาดหรือประกอบทราย ซึ่งไม่เหมาะกับการสร้างบ้าน"
เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นสนามที่อยู่ใกล้กับทะเล สภาพอากาศมักจะลมแรง หนาวสลับฝนอยู่เป็นประจำ ด้วยองค์ประกอบทางธรรมชาติเหล่านี้ จึงเป็นส่วนสำคัญในการเนรมิตสนามให้มีลักษณะเฉพาะตัวคือ พื้นสนามจะค่อนข้างแห้งและแข็ง หญ้าที่ปลูกในแฟร์เวย์ที่มักจะเป็นลอนเป็นคลื่นนั้นก็จะยาวช้ามาก ทำให้ดูสั้นเตียนตลอดเวลา ประกอบกับกรีนที่มีขนาดใหญ่(ปลูกบ้านได้ 2 หลังสบายๆ) ผิวกรีนก็จะแข็งและดูมีเนินค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน ข้อดีของสนามลักษณะนี้มีอยู่อย่างเดียวคือ รัฟน้อยมาก...เนื่องจากถัดจากรัฟไปก็จะกลายเป็นพงหญ้าสูงเลยหัวเข่าไปเลย!
ด้วยปัจจัยจากสภาพสนาม รวมกันกับสภาพอากาศที่มักจะแปรปวน มีลมเป็นปัจจัยหลักอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราได้เห็นช็อตเทพจากบรรดาโปรที่เข้าแข่งขันมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเป็นช็อตที่เราจะไม่ค่อยคุ้นเคยจากการแข่งขันรายการอื่นที่ไม่ใช่ link courseเท่าไรนัก เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ศึกษาจากการดูช็อตเหล่านี้เช่น ในสภาวะทวนลมแรงๆทำให้การตีไดร์ฟเวอร์แทงลูกพุ่งต่ำกลายที่เป็นเรื่องปกติ หรือพัตต์จากนอกกรีนระยะ 30หลาก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเราก็ควรจะสังเกตการให้ไลน์ การให้น้ำหนัก จนกระทั่งวิธีการสโตรคลูก
ที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นช็อตจินตนาการเหนือความคาดหมายต่างๆที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องงัดนำมาใช้ต่อสู้กับสนามลักษณะดังกล่าว และในการศึกษาช็อตเทพเหล่านี้ เราควรจะดูว่าเขาต้องเล่นเพราะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? ตำแหน่งลูกอยู่เป็นยังไง? แล้ววิธีเล่นเป็นทำอย่างไร? ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจที่จะสามารถนำมาปรับใช้หรือพัฒนาให้กับตัวเรา
ผู้ที่ต้องการศึกษาวิธีการเล่น การวางแผน การแก้ไขเจ๋งๆ ผมแนะนำว่าพลาดไม่ได้ด้วยด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะผู้เล่นที่อยู่ในสายพันธุ์ Feel มากกว่า Machanic จะต้องชอบกอล์ฟ ดิ โอเพ่น เป็นพิเศษแน่ๆ เพราะการได้เห็นช็อตจินตนาการมาพร้อมกับความรู้สึกที่ลงตัว มันทำให้คนบ้ากอล์ฟอย่างเรามีความสุขและคันไม้คันมืออยากจะลงไปหวดเองทุกครั้งที่ได้ดู
