เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ก กุนซือชาวดัตช์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเก้าอี้กุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเจ้าตัวระบุต้องการรับผิดชอบต่อผลงานที่เกิดขึ้นหลังพาทีมตกรอบศึกฟุตบอลยูโร 2012 ที่ยูเครน และโปแลนด์ แบบน่าอับอาย
กุนซือวัย 60 ปี ล้มเหลวไม่เป็นท่าในการพาขุนพล “ฟลายอิงดัตช์แมน” ลงฟาดแข้งในศึกยูโร 2012 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่มในฐานะบ๊วยของกลุ่มบี เนื่องจากลงแข่ง 3 นัด แพ้รวดไม่มีแต้มติดมือ ทั้งที่เมื่อ 2 ปีก่อน เคยพาทีมเป็นรองแชมป์ฟุตบอลโลก ที่แอฟริกาใต้
ล่าสุด หลังเสร็จสิ้นภารกิจในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ฟาน มาร์ไวจ์ก ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากการคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์เป็นที่เรียบร้อย แม้ยังเหลือสัญญากับทีมอยู่อีก 4 ปี ก็ตาม ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า เพื่อเป็นการรับผิดชอบกับผลงานอันน่าผิดหวัง โดยกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ผมได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายอย่าง แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจที่จะก้าวออกมาด้วยตัวเอง”
ขณะที่ เบิร์ต ฟาน อุสต์เวน ประธานของสหพันธ์ฟุตบอลแดนกังหันลม เปิดเผยว่า “ทางเราซาบซึ้งถึงสิ่งที่ ฟาน มาร์ไวจ์ก ได้ทำมาโดยตลอด ทั้งการพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก และขึ้นเป็นอันดับ 1 ของฟีฟาแรงกิง ส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกดีในการร่วมงานกับเขา แน่นอนว่า เรื่องที่ผ่านมา มันน่าผิดหวัง แต่พวกเราต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง”
สำหรับ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ก เข้ารับงานเป็นกุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ มาตั้งแต่ปี 2008 โดยมีผลงานที่น่าจดจำ คือ การพาขุนพล “อัศวินสีส้ม” เข้ารอบชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ก่อนแพ้สเปน 0-1 และเป็นรองแชมป์ในปีนั้น ซึ่งตลอดผลงานที่ผ่านมา คุมทีม 45 นัด แพ้ไป 4 นัดเท่านั้น แต่ด้วยผลงานอันน่าผิดหวังในยูโร 2012 ทำให้ ฟาน มาร์ไวจ์ก ไขก๊อกในที่สุด