แซนดี นิโคลัส สตูวิค นักขับดาวรุ่งชาวไทย ทำผลงานเยี่ยมในการแข่งขันฟอร์มูล่าเรโนลต์ นอร์ธเทิร์นยูโรเปียนคัพ 2012 สนามที่ 2 ที่ นูร์เบิร์กริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ด้วยการทำเวลาติดกลุ่มหัวแถวได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวมั่นใจว่าจะกลับมาทำผลงานติดท็อป 10 ในสนามหน้าได้อย่างแน่นอน
การแข่งขัน ฟอร์มูล่าเรโนลต์ นอร์ธเทิร์นยูโรเปียนคัพ 2012 สนามที่2 เริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน นักซิ่งไทย แซนดี นิโคลัส สตูวิค วัย 17 ปี ได้เตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็นเป็นอย่างดี ในช่วงเวลาเดือนกว่าที่จังหวัดระยอง เดินทางมาถึงเยอรมนี 3 วันก่อนแข่งขัน เพื่อลดปัญหาอาการล้าจากการเดินทาง
ท่ามกลางอากาศที่หนาว ด้วยอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส และฝนตกเล็กน้อย แซนดีโชว์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงควอลิฟายครั้งที่ 1 คว้ากริดสตาร์ทที่ 11 จากรถรถทั้งหมด 36 คัน เช่นเดียวกันกับ ควอลิฟายครั้งที่ 2 คว้ากริดสตาร์ทที่ 11 ด้วยเวลา 1:27:630 นาที ห่างจาก โพลโพซิชั่น 0.8 วินาที และห่างจากนักขับที่ได้กริดสตาร์ทที่ 2 เพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น
โดยในเรซที่ 1 เริ่มขึ้นช่วงบ่ายของวันศุกร์ โค้ชส่วนตัวของแซนดี “นีล จานี” ดีกรี อดีตนักขับทดสอบทีมเรดบูลล์ เสริมกลยุทธ์การทำเวลาโค้งแรกให้แซนดี ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ แซนดี้ไล่แซงขึ้นมา 2 อันดับจากอันดับ 11 ขึ้นเป็นอันดับ 9 ทว่าช่วงกลางของการแข่งขัน แซนดีตีวงกว้างตรงด้านหน้าช่วงเมอร์เซเดส แกรนด์สแตน ทำให้หล่นลงมาอยู่อันดับ 11 แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามไล่แซงนักขับที่ได้คะแนนนำของตารางแชมเปี้ยนชิพ อย่างเจค เดนิส แต่สุดท้ายเต้าตัวทำดีที่สุดด้วยการจบการแข่งขันอันดับ 11 มาครองได้อย่างยอดเยี่ยม
เรซที่ 2 เริ่มขึ้นช่วงเช้าวันเสาร์ ท้องฟ้าสดใส แซนดีออกสตาร์ทได้ไม่ดี ทำให้หล่นไป 3 อันดับ แต่ผ่านไปเพียง 4 โค้งแรกเท่านั้น ก็ทวง 3 อันดับนั้นคืนมาสำเร็จ อยู่อันดับ 11 เหมือนเดิม ต่อมาในแลปที่ 2 ขณะที่แซนดีกำลังแซงรถของ อเล็กซ์ ริแบร์ราส นักขับสเปนขึ้นมาที่โค้งแรก ปรากฏว่ามีรถที่ ที่ประสบอุบัติเหตุจอดอยู่นอกโค้งแรกพร้อมรถเจ้าหน้าที่ นักซิ่งไทยพยายามประคองรถในขณะที่รถทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาพยายามหักหลบรถที่จอดอยู่ ทำให้เสียหลักประสานงาเข้าที่กลางตัวรถของ เอ๊ด โจนส์ นักขับชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้รถของทั้งคู่เสียหายต้องหยุดและออกจากการแข่งขันไป
หลังจบการแข่งขันเรซที่ 2 แซนดีออกอาการเสียดายไม่น้อย เนื่องจากสภาพรถที่พร้อม เขาเชื่อว่าจะสามารถไต่ขึ้นไปท็อป 10 สำเร็จได้ดังที่ตั้งไว้ ทว่าต้องประสบอุบัติเหตุ ออกจากการแข่งไปเสียก่อนอย่างไรก็ตาม เจ้าตัวมั่นใจว่า การกลับมาคืนฟอร์มของเขาในครั้งนี้ จะต่อเนื่องไปถึงสนามหน้าที่จะมีขึ้นในอีก 2 สัปดาห์หน้า ที่ออสเชอร์เลเบิล เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี สนามที่เขาเคยทำความเร็วต่อรอบเร็วที่สุด (Fastest Lap) ในช่วงซ้อมอย่างเป็นทางการมาแล้ว