xs
xsm
sm
md
lg

เกณฑ์เข้ารอบสอง ยูโร 2012 / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

อีกไม่กี่วัน การแข่งขันฟุตบอลชิงแช้มป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 14 หรือ ยูโร 2012 ซึ่ง โปแลนด์ กับ อูคราอิน ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ก็จะเปิดฉากขึ้น คงมีแฟนบอลชาวไทยไม่น้อยที่ให้ความสนใจเฝ้ารอชม วันนี้ผมจึงอยากนำหลักเกณฑ์ในการพิจารณาทีมที่จะได้ผ่านเข้าสู่รอบสองมาอธิบายครับ

จากจำนวน 16 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ A, B, C และ D กลุ่มละ 4 ทีม แข่งแบบพบกันหมดในแต่ละกลุ่ม แล้วนำ 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มผ่านเข้ารอบน็อค เอ๊าท์ โดยจับ แช้มป์กลุ่ม กับ รองแช้มป์กลุ่ม ไขว้กัน กลุ่ม A จับคู่กับ กลุ่ม B ส่วน กลุ่ม C ก็จับคู่กับ กลุ่ม D

การแข่งขันในรอบแรกที่แต่ละทีมต้องเล่น 3 นัด แล้วใช้คะแนนรวมเป็นตัววัดเพื่อจัดอันดับนั้น ถ้าแต่ละทีมในกลุ่มมีคะแนนต่างกันก็ไร้ปัญหา แต่โอกาสที่จะมีทีมที่ได้คะแนนรวมเท่ากันเกิดขึ้นได้มากเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงวางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาทีมที่จะมีอันดับดีกว่าและได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบต่อไปเป็นขั้นๆไว้ให้แน่ชัด ดังนี้

การพิจารณาอย่างแรก ไปดูที่คะแนนของ คู่กรณี ก่อนเลย อันนี้คือ เฮด ทู เฮด (Head-to-Head) นั่นเอง ดูว่า 2 ทีมที่มีคะแนนรวม 3 นัดในรอบแรกเท่ากันนั้น คู่นี้เมื่อเจอกัน ใครชนะ ทีมนั้นก็ย่อมได้อันดับดีกว่า

หากทีมที่มีคะแนนรวมเท่ากันมีมากกว่า 2 ทีม ก็ให้ดูที่ผลต่างประตูได้-เสียของทีมเหล่านั้น นำมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งถ้ายังเท่ากัน ก็ต้องลงลึกไปถึงประตูที่แต่ละทีมทำได้ โดยผลต่างประตูได้-เสีย หรือ ประตูที่ทำได้ที่ว่านี้ เขาจะนับเฉพาะนัดที่ทีมที่มีคะแนนรวมเท่ากันแข่งกันเองเท่านั้น นัดที่เจอกับทีมอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่เกี่ยวครับ

วิธีที่กล่าวมานี้ ถ้ายังคงมี 2 ทีมที่เท่ากันอีก ยังตัดสินไม่ได้ ก็ให้ใช้หลักเกณฑ์ที่กล่าวมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ ดูเจาะลงไปที่นัดที่ 2 ทีมดังกล่าวเจอกันเท่านั้น

แม้กระนั้นยังไม่อาจหาทีมที่เหนือกว่าได้ ก็ค่อยมาดูผลต่างประตูได้-เสีย หรืออาจต้องลงลึกไปที่ประตูที่ทำได้ อันนี้หมายถึงผลของการแข่งขันรวมทั้ง 3 นัดของแต่ละทีมครับ ไม่ใช่ เฮด-ทู-เฮด ซึ่งที่จริงวิธีนี้เป็นวิธีโบราณที่เขาใช้กันมานานก่อนยุค เฮด-ทู-เฮด

มาถึงขนาดนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป คราวนี้ ยูเอ็ฟฟ่า นำเอาหลักเกณฑ์ที่ทีมเล็กกว่าคงไม่ค่อยพอใจนัก นั่นคือ วัดกันที่ อันดับ ยูเอ็ฟฟ่า ของทีมชาติ (UEFA national team coefficient) ซึ่งจะมีการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์ของผลงานของแต่ละทีมใน ฟุตบอลโลก และ ยูโร ทั้ง รอบคัดเลือก และ รอบสุดท้าย และประกาศผลในเดือนพฤศจิกายน ทุกๆ 2 ปี ทีมใดมีอันดับดีกว่าก็โชคดีได้เข้ารอบไป

ถ้าผ่านจากขั้นนี้มาอีกก็ค่อยไปดูความประพฤติของนักเตะในทีม นั่นคือ เรื่อง แฟร์ เพลย์ ที่ใครโดน ใบเหลือง ใบแดง ล้วนคิดเป็นคะแนนทั้งสิ้น ถ้าทีมของเอ็งดันมีคะแนน แฟร์ เพลย์ คอนดัค (fair play conduct) สูงกว่าอีกทีมหนึ่งก็มีสิทธิ์พลาดโอกาส จนต้องตกรอบไป

จนแล้วจนรอด ทั้ง 2 ทีม ดีเลวพอกัน คะแนน แฟร์ เพลย์ ดันเท่ากันอีก ก็หันมาใช้วิธีสุดท้าย คือ จับสลากหาทีมโชคดีเข้ารอบไปให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาตัดสินหาทีมที่จะมีอันดับดีกว่าตามขั้นตอนที่ว่ามาก็คงไม่ต้องก้าวไปถึงการใช้หลักเกณฑ์ 2 ขั้นตอนสุดท้ายหรอกครับ เพราะแต่ละทีมต่างก็มีอันดับ ยูเอ็ฟฟ่า ของทีมชาติ ต่างกันอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น