“รัสเซีย” แกร่งทั่วแผ่น รัก “โปแลนด์” ต้องลุ้น

เอเยนซี-ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ และ ยูเครน กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายนนี้แล้ว MGR SPORT จึงขอนับถอยหลังนำคอลูกหนังไปพบกับภาพรวมของทั้ง 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย 16 ทีมที่จะชิงชัยกันเพื่อถ้วย “อองรี เดอโลเนย์” เริ่มตั้งแต่กลุ่ม เอ ที่ถือว่าอ่อนสุดเลยก็ว่าได้ ดังนั้น เรียกได้ว่า ทุกทีมมีโอกาสเท่ากันเพื่อเข้าสู่รอบน็อกเอาต์

โปแลนด์
ขึ้นชื่อว่า “เจ้าภาพ” ย่อมมีแรงขับเคลื่อนพิเศษ ทำให้ โปแลนด์ มีลุ้นผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์หนแรกในประวัติศาสตร์ อีกทั้งเมื่อเหลือบดูเพื่อนร่วมกลุ่มแล้ว ถือว่างานไม่เหลือบ่ากว่าแรง ขุมกำลังที่มีให้ ฟรานซิสเซ็ค สมูดา เลือกใช้งานก็ไม่ขี้เหร่ ทั้ง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี 2 ประสานแนวรุกจาก โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ดับเบิลแชมป์ฤดูกาลล่าสุด และตัวคุมจังหวะอย่าง ลูโดวิช โอบราเนียค จาก บอร์กโดซ์ แต่ปัญหาคือ อายุเฉลี่ยนักเตะค่อนข้างน้อยที่เหลือรอดจากเมื่อ 4 ปีก่อนที่ตกรอบแรกแบบไร้ชัย มีไม่กี่คน และที่พอเป็นแกนหลักได้ คือ ดาริอุส ดุดกา มิดฟิลด์ โอแซร์ กับ มาร์ซิน วาซิเลฟสกี กองหลัง อันเดอร์เลชท์ ประสบการณ์กับฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์แบบนี้ ถือว่าสำคัญด้วยระบบ 4-2-3-1 ที่ยึดมาตลอดประกอบกับตัวผู้เล่นจำกัด จึงยังไม่เห็นถึงการยืดหยุ่นยามสถานการณ์คับขัน อีกทั้งไม่ต้องเล่นรอบคัดเลือก ดังนั้น เมื่อถึงแมตช์ทางการต้องลุ้นกันว่าจะทำได้ดีแค่ไหน

กรีซ
ด้วยเกมรับอันโดดเด่นส่งให้ กรีซ ก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์เมื่อปี 2004 และสิ่งนั้นยังคงถ่ายทอดถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่าตำแหน่งกุนซือจะเปลี่ยนมือจาก อ็อตโต เรห์ฮาเกล มาเป็น เฟอร์นานโด ซานโตส พิสูจน์จากรอบคัดเลือกคว้าแชมป์กลุ่ม 10 นัดไร้ปราชัย เสียเพียงแค่ 5 ประตู ระบบที่กุนซือชาวโปรตุกีสใช้ยังคงเป็นหน้าเป้าที่มีตัวเลือกอย่าง จอร์จอส ซามาราส จาก กลาสโกว์ เซลติก และ ธีโอฟานิส เกคาส จาก ซามซันสปอร์ ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นแข้งที่ค้าแข้งอยู่ในประเทศตัวเก๋าที่ยังหลงเหลือจากตกรอบแรก ยูโร 2008 กับฟุตบอลโลก 2010 คือ จอร์จอส คารากูนิส ของ เออีเค เอเธนส์ และ คอสตาส คัตซูรานิส จาก พานาธิไนกอส ถือเป็นชุดที่ผสมผสานระหว่างแข้งเก่ากับแข้งใหม่ที่มีหลายคนน่าจับตาทั้ง โซติริส นินิส ปีกจาก พานาธิไนกอส กับ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส กองหลัง แวร์เดอร์ เบรเมน เรียกได้ว่า ลงตัวรับแน่นและยิงน้อย ใครคิดจะส่งทีมจาก “ดินแดนเทพนิยาย” กลับบ้านก็จะต้องทำลายปรัชญานี้ให้ได้

รัสเซีย
ศักยภาพของ รัสเซีย ชุดนี้ไม่ได้ด้อยกว่า 4 ปีก่อน ที่สร้างเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ โดยหนนี้ยังใช้กุนซือดัตช์เพียงแต่เปลี่ยนมือมาเป็น ดิก อัดโวคาท กุมบังเหียนต่อจาก กุส ฮิดดิงก์ แต่เรียกว่า ถอดแบบกันมาเลยก็ว่าได้ อีกทั้งผู้เล่นยังคงเป็นชุดเดิมที่เล่นกันอย่างเข้าขารู้ใจภายใต้ระบบ 4-5-1 ที่พร้อมเปลี่ยนเป็น 4-2-3-1 ยามสวนกลับให้อิสระแนวรุก 3 คนคอยปั่นป่วน และป้อนบอลให้หน้าตัวเป้า นอกจากเกมรับที่เสียเพียงแค่ 4 ประตูรอบคัดเลือกบัญชาการโดย อิกอร์ อคินเฟเยฟ ผู้รักษาประตูและ เซอร์เก อิกนาเซวิช กองหลัง แดนหน้ายังหาตัวจับยากทั้ง โรมัน พาฟลูเชนโก พาเวล โปเกร็บเนียค อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ และที่ขาดไม่ได้ คือ อังเดร อาร์ชาวิน จะกลับมาพิสูจน์ฝีเท้าอีกครั้งหลังขับเคลื่อนทีมและยิงไป 2 ประตูที่ ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึง อลัน ซาโกเยฟ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งจาก ซีเอสเคเอ มอสโก เป็นอีกชาติที่ผสมผสานกันอย่างกลมกล่อมไม่ใช่ว่าใครจะมาผ่านไปได้ง่ายๆ

สาธารณรัฐเช็ก
ถือเป็นงานหนักของ มิเชล บิเล็ค ที่ต้องปลุก เช็ก ให้กลับมาเขย่าทัวร์นาเมนต์ลูกหนังระดับโลกอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่คว้ารองแชมป์ ยูโร 1996 ตามด้วยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศปี 2004 ผลงานมีแต่ถอยหลังลงคลอง กว่าจะตีตั๋วมารอบสุดท้ายหนนี้ก็ต้องลุ้นถึงเพลย์ออฟ แม้จะมีตัวเก๋าอย่าง ปีเตอร์ เช็ก ด่านสุดท้ายจาก เชลซี และ 2 กองกลางอย่าง โทมัส โรซิคกี จาก อาร์เซนอล กับ ยาโรสลาฟ พลาซิล จาก บอร์กโดซ์ แต่ก็ถือเป็นช่วงขาลง รอบคัดเลือกยังต้องพึ่งกองหน้าอย่าง มิลาน บารอส หอกวัย 30 ปีจาก กาลาตาซาราย แม้จะมีดาวรุ่งอย่าง โทมัส เนซิด โทมัส เพ็คฮาร์ท และ วัคลาฟ พิลาร์ แต่ถือว่าประสบการณ์ยังน้อยดันขึ้นมาเสริมบรรดารุ่นพี่ไม่ทันทำให้มีช่องโหว่ระหว่างรอยต่อ ดูแล้วไม่ลงตัวตั้งแต่กองหลังถึงหน้าบ้านดังนั้นงานหนักไม่น่าจะไปได้ไกล

ทำนายชาติเข้ารอบ : โปแลนด์ กับ รัสเซีย