ASTVผู้จัดการรายวัน - นัดสุดท้ายศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาล 2011-12 วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคมนี้ ถ้าไม่เกิดการพลิกล็อกชนิดถล่มทลาย แมนเชสเตอร์ ซิตี น่าจะกระชากโทรฟีแชมป์มาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกนับแต่ปี 1968 หลังกุมความได้เปรียบด้วยประตูบวกมากกว่า แต่เหนืออื่นใดพื้นที่ที่ต้องโฟกัสเช่นกันคือ การแย่งโควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก อีก 2 ใบ เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างอันดับ 3-5 อย่าง อาร์เซนอล ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พร้อมกับมี เชลซี อันดับ 6 เป็นตัวแปรสำคัญ
ที่กล่าวว่า เชลซี เป็นตัวแปรต่อการคว้าตั๋วเตะยูฟา แชมเปียนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า เนื่องจากลูกทีมของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ กับ บาเยิร์น มิวนิค ในวันเสาร์ที่ 19 พ.ค.นี้ ถ้าหากโค่นยอดทีมเมืองเบียร์สำเร็จ “สิงห์บลู” ก็จะได้สิทธิ์ลุยศึกฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของยุโรปในฐานะแชมป์เก่า ดังนั้น อาร์เซนอล สเปอร์ส และ นิวคาสเซิล ต้องพยายามคว้าอันดับ 3 เพื่อรับประกันไม่อกหักตกรถไฟขบวนสุดท้าย เพราะอันดับ 4 จะได้รับผลกระทบถูกตัดสิทธิ์ไปโดยปริยาย เพื่อไม่ให้ซ้ำรอย ลิเวอร์พูล หลังได้แชมป์ปี 2005 จนไปเบียดโควตาทีมเล็กจากชาติอื่น
สถานการณ์ ณ เวลานี้ตามตารางคะแนน อาร์เซนอล กุมความได้เปรียบมี 67 คะแนน นำ สเปอร์ส และ นิวคาสเซิล อยู่ 1 และ 2 คะแนนตามลำดับ แต่โปรแกรมนัดสุดท้ายของพวกเขาไม่ง่ายต้องบุกเยือน เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ทีมอันดับ 10 ของตาราง
โดยลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ เพิ่งสะดุดในเกมลีกนัดล่าสุดถูก นอริช ซิตี ตามตีเสมอ 3-3 คาถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม เกมดังกล่าวยังต้องเสีย บาการี ซานญา ฟูลแบ็กเลือดน้ำหอมที่ขาหัก เป็นผู้เล่นตัวหลักอีกคนที่เข้าไปอยู่ในบัญชีบาดเจ็บนอกเหนือจาก มิเกล อาร์เตตา แจ็ก วิลเชียร์ ธีโอ วัลคอตต์ และ แพร์ แมร์เตซักเกอร์ ขณะเดียวกันแม้ว่า เวสต์ บรอมวิช ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว แต่อาจต้องการชัยชนะเป็นการอำลาแก่ รอย ฮอดจ์สัน กุนซือจอมเก๋าที่เตรียมเข้ารับงานคุมทีมชาติอังกฤษ ถ้าหาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี หัวหอกตัวเก่งโชว์ฟอร์มไม่ออก ปืนในสภาพชำรุดเจองานหนักแน่ในการเก็บสามคะแนนกลับออกมาจากสนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส์
ด้าน สเปอร์ส เริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง หลังจาก แฮร์รี เรดแนปป์ เจ้านายหมดเรื่องรบกวนใจเกี่ยวกับตำแหน่งกุนซือทีมชาติอังกฤษ แม้เกมล่าสุดทำได้เพียงบุกเสมอ แอสตัน วิลลา 1-1 แต่เนื่องจากเหลือผู้เล่น 10 คน สำหรับเกมนัดสุดท้ายที่จะเปิดรังไวท์ ฮาร์ท เลน รับมือ ฟูแลม อันดับ 8 เมื่อพิจารณาจากฟอร์มการเล่นที่แกร่งในบ้าน และสถิติที่ข่ม “เจ้าสัวน้อย” เก็บชัยชนะได้หมดใน 3 นัดหลังสุดที่เจอกัน ทำให้โอกาสเก็บสามแต้มของ “ตราไก่” ค่อนข้างสดใสมีลุ้นหักหน้าทีมคู่อริร่วมกรุงลอนดอนตอนเหนือแซงขึ้นจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 แทน
ขณะที่ นิวคาสเซิล เพิ่งแพ้ แมนฯ ซิตี 0-2 คาบ้านตัวเองในรังสปอร์ต ไดเร็กส์ อารีนา ทำให้ “สาลิกาดง” อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ นอกจากลุ้นให้ อาร์เซนอล และ สเปอร์ส ชวดเก็บคะแนนแล้วยังต้องบุกเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน อันดับ 7 ในเกมนัดส่งท้ายด้วย ซึ่งทีมของ เดวิด มอยส์ คงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะแพ้คาสนามกูดิสัน พาร์ก แม้ทีมไม่เหลืออะไรให้ลุ้น แต่อาจมีแรงจูงใจทำอันดับเหนือกว่าคู่อริร่วมเมืองอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่รั้งอันดับ 9 ของตาราง
ส่วน เชลซี ยังเหลือโปรแกรมตกค้างอีกนัดในคืนวันอังคารที่ 8 พ.ค.นี้ เตะกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งพวกเขาเพิ่งเอาชนะที่สนามเวมบลีย์เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา จนคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ถ้าทีมเศรษฐีกรุงลอนดอนย้ำแค้นเก็บสามแต้มจากแอนฟิลด์ก็จะเหลือห่างจาก นิวคาสเซิล เพียงคะแนนเดียว สำหรับเกมนัดสุดท้ายการเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับมือ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ทีมรองบ๊วย ซึ่งอาจหล่นชั้นไปแล้วก็ได้ ณ เวลาที่เจอกัน ทำให้ยังพอมีหวังที่จบท้อปโฟร์ แต่ต้องภาวนาให้อีก 3 ทีมที่เหนือกว่าสะดุดด้วย อย่างไรก็ตามอีกข้อแม้ “สิงห์บลู” อาจทำให้ทีมอื่นน้ำตาตกด้วยการคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ดังที่กล่าวไว้ตอนแรก ดังนั้น ต้องไปลุ้นกันอีก 4 สนามกับอีก 90 นาทีที่เหลือว่าตอนจบของฤดูกาลนี้จะออกมาในรูปแบบใด