เอเยนซี-ฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล รูดม่านปิดฉากแล้ว ทว่า สาวก “เดอะ ค็อป” คงเฮไม่สุดเสียง แม้จะมีถ้วย คาร์ลิง คัพ ติดมือ เพราะแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่หมายมั่นปั้นมือกลับหลุดลอยเมื่อแพ้ เชลซี 1-2 นัดชิงที่ เวมบลีย์ สเตเดียม เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จากนี้คำถามจึงอยู่ที่ปีหน้าว่า เคนนี ดัลกลิช จะทำให้อย่างไรให้ “หงส์แดง” กลับมาผงาดในลีกที่ถือว่าเป็นเป้าหมายหลัก
เวลานี้ ลิเวอร์พูล รั้งอันดับ 8 เหลือโปรแกรม 2 นัดเปิด แอนฟิลด์ พบ เชลซี วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม และไปเยือน สวอนซี ซิตี ปิดท้ายวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค.แม้จะเก็บ 6 แต้ม และล้างแค้น “สิงห์บลู” ได้สำเร็จก็คงไม่ดีไปกว่าที่ 7 ปีหน้าคงต้องเปิดเทอมก่อนเพื่อนเพื่อลงเล่นรอบคัดเลือกรอบสองศึก ยูโรปา ลีก ภาพรวมตอนนี้จึงถือว่าน่าผิดหวัง เพราะฤดูกาลนี้จริงๆ แล้วเป้าหมาย คือ เน้นผลงาน พรีเมียร์ชิป ให้ดีที่สุด เนื่องจากไม่ได้ลงเล่นยุโรปและแชมป์บอลถ้วยถือเป็นโบนัส ทว่าทุกอย่างกลับตรงกันข้าม
จึงเป็นสิ่งที่ ดัลกลิช ต้องกลับไปขบคิด หลังจากตั้งแต่ต้นปี 2011 ใช้งบประมาณเสริมทัพไปแล้ว 100 ล้านปอนด์ (ราว 5 พันล้านบาท) ทว่า กุนซือที่เคยฝากผลงานพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 3 สมัยช่วงปลายทศวรรษ 80 เชื่อว่า เดินมาถูกทางแล้ว “ขุมกำลังนักเตะชุดเดิมนี้จะขับเคลื่อนทีมต่อไป เหนืออื่นใดจะมีแข้งใหม่เข้ามาเสริม ไม่ใช่เพราะว่าเราแพ้นัดชิง เอฟเอ คัพ เนื่องจากทุกคนทำผลงานได้ดีและจะต้องดีขึ้นกว่าเดิมหลังได้รับประสบการณ์ในวันนี้ และตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา”
ช่วงซัมเมอร์และตลาดเปิดรอบสองต้นปี 2012 ที่ผ่านมา ดัลกลิช พยายามโละนักเตะหลายคน ทว่าไม่สำเร็จ ดังนั้น คงต้องพยายามกันต่อช่วงปิดฤดูกาลพวกที่น่าโบกมือลารายชื่อยาวเป็นห่างว่าว ทั้ง ฟาบิโอ ออเรลิโอ, มักซี โรดริเกซ, เดิร์ก เคาท์, โจ โคล และ อัลแบร์โต อาควิลานี ดาวรุ่งที่ผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันน่าจะปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวทั้ง เจย์ สเปียริง, จอนโจ เชลวีย์, เซบาสเตียน โคอาเตส และ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็เพื่อเปิดพื้นที่ให้แข้งใหม่ แต่ย้ำว่าต้องเกรด เอ เท่านั้นไม่ใช่พวก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม และ สจ๊วร์ต ดาวนิง หรืออะไหล่ที่สนิมเริ่มเกาะอย่าง เคร็ก เบลลามี
สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ก็ยอมรับว่า รายชื่อนักเตะที่เอ่ยมาทั้งหมดยังไม่สามารถต่อกรกับบรรดาทีมระดับหัวแถวของ พรีเมียร์ชิป “เราทำผลงานได้ดีในฟุตบอลถ้วย นักเตะทุกคนสมควรได้รับคำชมกับการผ่านเข้าชิงสองถ้วยก็จริง ทว่า ในลีกอาจจะไม่ดีพอ เหมือนกับว่า เรามี 2 ทีมที่แตกต่าง หลายคนคงกำลังหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และจำต้องมีสมาธิกับการลงเล่นในลีกมากขึ้น เรื่องนี้ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะมองจากขุมกำลังที่มีไม่น่าจมอยู่อันดับ 8 เวลานี้”
ดังนั้น ปีหน้าเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล ไม่ใช่การป้องกันแชมป์ คาร์ลิง คัพ หรือแก้ตัวนัดชิง เอฟเอ คัพ แต่ต้องเน้น พรีเมียร์ชิป เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ อันดับ 4 กลับไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่เหมือนเป็นบันไดขั้นแรกไต่เต้าไปคว้าแชมป์ลีก เพราะดูจากผลงานอันคงเส้นคงวาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ซิตี และยังมี อาร์เซนอล เชลซี กับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ คงไม่ง่ายที่จะฝันแบบก้าวกระโดด
จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เข้าของทีมชาวสหรัฐฯ พร้อมทุ่มเงินไม่อั้นให้ ดัลกลิช ตกแต่งทัพช่วงซัมเมอร์ เพื่อแบ่งเบางานของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ที่ซัดไป 11 ใน พรีเมียร์ชิป ส่วน แอนดี คาร์โรลล์ เจ้าของค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,750 ล้านบาท) ทรงดีขึ้น หลังผลงานกระเตื้องซัดชัยหลายนัดช่วงปลายฤดูกาล และเกือบตีเสมอให้ ลิเวอร์พูล ได้ในนัดชิง เอฟเอ คัพ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองเสียดายประตูโหม่งจ่อๆ กรรมการไม่ให้เพราะมองยังไม่ข้ามเส้นไปทั้งใบ แต่ต้องมีดาวยิงอีกสักรายเข้ามาช่วยงาน และเป็นออปชันในการลงมาแก้เกมมากกว่านี้
ดูแล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องเติมอีกหลายจุด ไม่ใช่แค่กองหน้า ทั้งตัวเดินเกมริมเส้นและกองหลัง รวมถึงทายาท เจอร์ราร์ด ในระยะยาว เพราะขนาด 11 ตัวจริงยังสู้ทีมอื่นไม่ได้ดังนั้น ตัวสำรองไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าฤดูกาลหน้า ดัลกลิช เตรียมเผชิญงานแสนสาหัสและเครียดกว่าเดิมอีกหลายขุม เพราะอาจจะเป็นโอกาสปีสุดท้ายก็ว่าได้หากไม่สามารถผลักดันทีมให้ไปได้ไกลกว่านี้