คอลัมน์ ON TRACK / เด็กปั๊ม
ก่อนอื่น “เด็กปั๊ม” ต้องขอแสดงความยินดีกับ ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.) ที่เพิ่งจะมีการต้อนรับ นายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามานั่งแท่นเป็นนายกสมาคมคนใหม่ แทนที่ นายสมใจนึก เองตระกูล ที่กำลังจะหมดวาระ หลัง นายบรรพต ได้รับมติเป็นเอกฉันท์จากเหล่าสมาชิกสมาคมในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 เมื่อวันเสาร์ที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา
งานนี้มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่า ร.ย.ส.ท.ในฐานะองค์กรที่ขึ้นตรงกับสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) จะมีบทบาทแค่ไหนกับกระแสข่าวที่ประเทศไทยเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเอฟวัน คำตอบแบบตรงๆ เลย ก็คือ หากรัฐบาล การกีฬาแห่งประเทศไทย เอาจริงตามที่ประกาศ นั้น ร.ย.ส.ท.ก็พร้อมที่จะเดินหน้าเต็มสูบตอบสนองนโยบาย แต่หากจะให้ ร.ย.ส.ท.เป็นแม่งาน คงต้องบอกว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นครับ
ส่วนอีกหนึ่งคำถามที่คาใจหลายๆ คนกับผลงานของ “เจ้าฟีม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่ปีนี้อุตส่าห์ย้ายสังกัดจากสต็อปแอนด์โก ไปร่วมค่ายบิดดังอย่างเกรซินี แต่ผลงานในสองสนามแรกที่ผ่านไปยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะการบิดทำเวลาต่อรอบที่หากไล่เรียงดูจากทั้งรอบฝึกซ้อม, รอบควอลิฟาย ไปจนถึงวันแข่งนั้น ยังไม่สามารถขยับเวลาขึ้นไปใกล้กลุ่มท็อป 15 ได้เลย
งานนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ ฟาอุสโต เกรซินี ทีมบอสร่างเล็กของทีม ที่การันตีว่า ทีมของเขามีดีศักยภาพพอที่จะทำให้นักบิดไทยขยับไปอยู่ในกลุ่มท็อป 10 ได้ ซึ่งถึงตรงนี้ ฟาอุสโต ยังไม่สามารถตอบโจทย์นั้นได้ เนื่องจากปัญหาสำคัญอยู่ที่เฟรมรถโมริวากิ ที่ฟีมเองนั้นขี่ไม่ได้เลย โดยเฉพาะในการบิดสนามล่าสุดที่เฆเรซ
จริงอยู่ครับหลายคนอาจจะมองไปที่ตัวของเจ้าฟีม ว่า เต็มร้อยแล้วหรือยังกับสภาพร่างกายของตัวเอง แต่จากผลงาน 2 เรซแรก ที่จบการแข่งขันได้ทั้ง 2 เรซ ผมเชื่อครับว่า เวลานี้สภาพร่างกายของรัฐภาคย์ ฟิตสมบูรณ์กว่าปีที่แล้วมาก จะมีที่ต้องกังวล ก็คือ อาการที่เข่าซ้าย แต่โดยรวมถือว่าโอเค ฉะนั้น ก็คงต้องมองกลับไปที่เรื่องของตัวรถ
อย่างในการบิดล่าสุดที่เฆเรซ ประเทศสเปน ทีมงานเกรซินี ก็พยายามกันสุดตัวที่จะลองผิดลองถูก ปรับเซ็ตอัพรถของฟีม และ จีโน เรย์ (เพื่อนร่วมทีม) โดยใช้อุปกรณ์ช่วงล่างที่แตกต่างกัน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าปัญหาในการทำความเร็วนั้นอยู่ตรงไหน ซึ่งจากข้อมูลที่ได้ตรงนั้นทีมงานเองน่าจะพอรู้แล้วล่ะครับว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
ผมเองมีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณอารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ เอพี ฮอนด้า ซึ่งเป็นต้นสังกัดของฟีมในเมืองไทยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งมีการเปรยออกมาครับว่า หากทุกอย่างยังไม่ดีขึ้น ทีมงานก็พร้อมที่จะขยับขยายด้วยการเปลี่ยนเฟรมตัวใหม่ ซึ่งเวลานี้มีการเล็งไปที่ ซูเตอร์ (SUTER) เฟรมรถที่นักบิดหัวแถว อาทิ มาร์ก มาร์เกซ และ โธมัส ลูธี ใช้อยู่ในเวลานี้ อย่างไรก็ดีอาจติดปัญหาในการบอกลาโมริวากิ เพราะทีมเกรซินีมีความสัมพันธ์อันดีกับค่ายเฟรมของญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะครั้งที่จับมือกันนำโทนี อีไลอัส คว้าแชมป์โลกโมโตทูได้เป็นครั้งแรกในปี 2010
พูดถึงเฟรมซูเตอร์ จำได้ว่า ฟีมเองเคยทดสอบเฟรมยี่ห้อนี้ และประทับใจจนเกือบจะได้ร่วมงานกันมาแล้วในปี 2010 ครั้งที่บิดให้กับต้นสังกัดเก่า แต่ด้วยปัญหาบางประการทำให้ฟีมต้องไปลงเอยกับเฟรมบิโมตา อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนเฟรมกลางฤดูกาล ถือเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน โดยเฉพาะการต้องมาปรับตัวกันใหม่ในช่วงเวลาที่ไม่อนุญาตให้มีการทดสอบรถเช่นนี้
ส่วนอีกหนึ่งปัญหาที่ผมแอบคิดอยู่ในใจ คือ การที่ เกรซินี เองต้องรับผิดชอบนักบิดถึง 5 คน (โมโตจีพี 2 คน, โมโตทู 2 คน และโมโตทรี 1 คน) อาจจะทำให้การเอาใจใส่ตรงจุดนี้ไม่เต็มร้อย ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า ทีมบอสร่างเล็กชาวอิตาเลียน จะทุ่มเทให้กับรถทุกคัน และนักบิดทุกคนเท่าเทียมกัน และแก้ปัญหาเรื่องเฟรมให้กับนักบิดไทยเราแบบด่วนจี๋
ส่วนความสามารถของน้องชายของผมอย่างรัฐภาคย์ ยังเชื่อครับว่า หากได้บิดรถที่มีการเซ็ตอัพลงตัว โอกาสเก็บแต้มหรือเข้าไปติดท็อป 10 ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน