xs
xsm
sm
md
lg

“บัวขาวเวย์” ชัยชนะของผู้แพ้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความดุดันของ บัวขาว บนเวที
หลังจากเถลิงแชมป์ไทยไฟต์ รุ่น 70 กิโลกรัม อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ทำให้ บัวขาว ป.ประมุข ก้าวเข้ามาครองใจแฟนมวยชาวไทยรุ่นเล็ก-ใหญ่ ทั้งประเทศ ทว่า นับตั้งแต่ปฏิทินเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศักราช 2012 บัวขาว ในฐานะทูตวัฒนธรรมชาวไทย กลับพบปัญหาครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต เมื่อปัญหาใต้พรมที่ซุกมานาน ระหว่างเจ้าตัวกับค่าย ป.ประมุข เริ่มกลายเป็นผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวระหว่างนักมวยกับค่าย จนทำให้เจ้าของแชมป์ไทยไฟต์ต้องออกมาเรียกร้องความยุติธรรมผ่านสื่อ ซึ่งบัวขาวยืนยันเสียงแข็ง ว่า จะไม่ขอกลับไปเหยียบค่ายเดิมอีก ขณะที่ ค่าย ป.ประมุข ก็ยืนยันว่า มีสิทธิในผลประโยชน์อันเกิดจากตัวนักมวยรายนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา (4 เม.ย.) ในงานแถลงข่าวเปิดตัวการแข่งขันมวยไทยไฟต์ ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ “บัวขาว” ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกครั้ง พร้อมยืนยันตนเองจะขึ้นชกศึกไทยไฟต์ครั้งนี้แน่นอน ส่วนชื่อใช้ขึ้นชกขออุบไว้ให้ลุ้นกันวันจริงทีเดียว ปัญหานอกสังเวียนที่ยังค้างคากับค่ายขอปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทำหน้าที่จัดการ ส่วนตอนนี้ตนเองขอเก็บตัวที่บ้านเกิดฟิตร่างกายและปรับสภาพจิตใจเตรียมสู้ศึกบนเวที หวังคว้าชัยมาฝากแฟนมวยที่คอยเป็นกำลังใจตลอดมา

ด้าน นพพร วาทิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปอร์ต อาร์ต จำกัด ผู้จัดศึกไทยไฟต์ แสดงความเห็นในประเด็นนี้ ว่า “ถึงอย่างไร บัวขาว จะได้ขึ้นชกในชื่อ บัวขาว ป.ประมุข ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่นได้ เนื่องจากเจ้าตัวยังมีสัญญากับทางค่ายอยู่ และหวังว่าทั้งฝ่าย บัวขาว ค่ายมวย และการกีฬาฯ จะร่วมกันหาทางออกในเรื่องนี้ได้ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ส่วน “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่าย ป.ประมุข ควรให้โอกาสนักมวยที่ตนเองปั้นมากับมือได้แก้ตัวจากสิ่งที่ได้ทำผิดพลาดไป พร้อมชี้ว่าหากเป็นเช่นนั้นอาจเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี ปรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ดีดังเดิมอีกครั้ง”

โดยในเวลาเดียวกันการกีฬาแห่งประเทศไทยผู้อาสาเป็นกาวใจความบาดหมางครั้งนี้ ได้นัดให้ “กำนันแก๊” กับ “บัวขาว” เข้ามาหารือเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปร่วมกันที่อาคาร กกท.ทว่า เจ้าของแชมป์ไทยไฟต์ครั้งล่าสุดติดงานแถลงข่าวที่บังเอิญจัดในเวลาคาบเกี่ยวกันพอดี ทำให้ไม่สามารถไปร่วมฟังคำชี้แจงครั้งนี้ได้ โดยหลังจากนั้น สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เสนอให้ บัวขาว กับค่าย ป.ประมุข แบ่งผลประโยชน์คนละครึ่งที่ 50-50 ก่อนในเบื้องต้นสำหรับการชกไฟต์นี้ ก่อนที่จะมาคุยรายละเอียดสรุปกันภายหลัง ซึ่งหากหาข้อสรุปไม่ได้จะเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนที่มีสิทธิ์ฟันธงตัดสินว่า บัวขาว จะย้ายค่ายได้หรือไม่

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรคล้ายกับว่า บัวขาว ดูจะเหน็ดเหนื่อยกับปัญหายืดยาวที่ไม่มีทางออกลงตัวนี้เต็มที จึงได้เตรียมทางออกไว้สำหรับตนเองแล้ว โดยวางแผนกลับไปใช้ชีวิตหลังแขวนนวมที่บ้านเกิด พร้อมเปิดค่ายมวยเล็กๆ ภายใต้ชื่อบัญชาเมฆ ยิม สอนมวยให้กับเด็กภายในหมู่บ้านที่สนใจ

ทั้งนี้ เจ้าของแชมป์ไทยไฟต์ ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว MGR Sport ระหว่างพักการซ้อมช่วงบ่าย ถึงชีวิตและอนาคตของตนเอง ว่า “ช่วงที่กลับมาอยู่สุรินทร์ทุกอย่างดีขึ้นมากเวลานี้กำลังเรียกความฟิตเพื่อกลับไปชกไทยไฟต์ แต่ถึงแม้อุปกรณ์หลายอย่างในค่ายที่สร้างขึ้นมายังไม่พร้อมไม่สะดวกสบาย แต่ก็พยายามหาสิ่งอื่นที่พอดัดแปลงได้ซ้อมไปก่อน โดยมีเป้าหมายต้องการทำผลงานให้ดีการชกเท่านั้น ส่วนเรื่องปัญหาและอนาคตหากทุกอย่างยังไม่ลงตัวหรือตนเองรู้สึกไม่ไหวจริงๆ คงต้องถอยออกมาอาจจะยอมแขวนนวมและมาดูแลค่ายมวยเล็กๆ แห่งนี้คอยสอนมวยให้เด็กรุ่นต่อไป”

ดูเหมือนว่า การเปิดใจครั้งล่าสุดของ บัวขาว กับสื่อต่ออนาคต และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังวันที่ 17 เมษายน อาจไม่ใช่ปัญหาที่จะเข้ามากัดกร่อนชีวิตนักมวยรายนี้ได้อีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้วถึงได้ขึ้นชกหรือไม่ได้ขึ้นชก บัวขาว ได้เลือกวิถีใหม่ให้กับตนเองเป็นที่เรียบร้อยเป็นสิ่งที่เจ้าตัวตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง และเป็นเส้นทางที่ไม่มีใครมาเรียกร้องผลประโยชน์จากตัวเขาได้อีกต่อไป


บัวขาว ปรากฎตัวที่โรงแรม พูลแมน คิงเพาเวอร์
อุ ป.ประมุข ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ (ซ้าย) หัวหน้าค่ายมวย ป.ประมุข
กำลังโหลดความคิดเห็น