ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย ป.ประมุข เผยยินดีตั้งโต๊ะคุยกับ สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” นักชกเจ้าของแชมป์ไทยไฟต์ 2011 โดยยืนยันว่าพร้อมรับทุกข้อเสนอไม่ว่าจะย้ายค่ายหรือกลับมาอยู่ค่ายตามเดิม ขอเพียงแค่มาคุยกันโดยตรง ย้ำยังรักในฐานะพี่น้องเหมือนเดิม
เมื่อวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13.30 น.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานในการประชุมไกล่เกลี่ยปัญหาของ สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” นักมวยไทยชื่อดังที่จะขอแยกตัวจากค่าย ป.ประมุข โดยมี นิติธร แก้วโต ทนายความของบัวขาว, "อุ ป.ประมุข" ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่ายมวย ป.ประมุข ซึ่งมาพร้อมกับ วิวัธน์ แสงสุริยฉัตร ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และคณะกรรมการกีฬามวย กกท. เข้าร่วมประชุมและชี้แจงข้อมูลต่างๆ
ด้าน นิติธร แก้วโต ทนายความของบัวขาวยืนยันว่ามาเพื่อรับฟังข้อมูลและคำชี้แนะจากคณะกรรมการกีฬามวย กกท. เท่านั้น ก่อนที่จะมีการตั้งคำถามในที่ประชุมว่า สมบัติ บัญชาเมฆ สามารถขึ้นชกในรายการไทยไฟต์ 2012 ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 17 เมษายนในชื่อ บัวขาว ป.ประมุข ได้หรือไม่ หรือต้องขึ้นชกในชื่ออื่นเท่านั้น
ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปว่ากำปั้นชาวจ.สุรินทร์ สามารถต่อยในชื่อ บัวขาว ป.ประมุข ได้ เนื่องจากเวลานี้ถือว่ายังมีสัญญาอยู่กับค่าย ป.ประมุข นอกจากนั้น ในพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ระบุว่าถ้านักมวยจะเปลี่ยนชื่อหรือยกเลิกสัญญาต้องเขียนคำร้องถึงนายทะเบียน คณะกรรมการกีฬามวย กกท. ซึ่งสามารถพิจารณาให้มีผลได้โดยไม่ต้องรอยินยอมจากเจ้าของค่ายหากเห็นว่ามีเหตุอันสมควร ถ้านายทะเบียนยินยอมให้ยกเลิก สัญญาต่างๆ ที่ได้ทำไว้กับต้นสังกัดถือว่าหมดลงทันที
จากนั้น วิวัธน์ แสงสุริยฉัตร ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของค่าย ป.ประมุข ถามว่าในกรณีที่ บัวขาว ขอไปขึ้นชกเองโดยไม่แจ้งต้นสังกัดเรื่องขอยกเลิกสัญญา ถือว่าผิดมาตรา 39 และสามารถลงโทษยกเลิกการจดทะเบียนของตัวนักมวยได้หรือไม่ ฝ่ายกฎหมาย คณะกรรมการกีฬามวย กกท. ตอบว่า ต้องพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อน ไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้
สำหรับกรณีที่ผู้จัดมวยไทยไฟต์จะจัดการแข่งขันในวันที่ 17 เมษายน ที่จ.ชลบุรี นายทะเบียน เผยว่าได้รับเรื่องเสนอขออนุญาตจัดแล้ว แต่ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เนื่องจาก สมบัติ บัญชาเมฆ ส่งชื่อเข้าแข่งขันในนาม “บัวขาว ป.ประมุข” อยู่ ซึ่ง ค่ายป.ประมุข มีสิทธิ์แจ้งนายทะเบียนขออายัดนักมวยว่าไม่อนุญาตให้ขึ้นชก แต่ถ้า บัวขาว ยังฝืนขึ้นชกก็มีสิทธิ์ถูกลงโทษด้วยการพักการจดทะเบียนนักมวย รวมทั้ง กกท. สามารถเพิกถอนใบอนุญาตการจัดมวยของผู้จัดไทยไฟต์ได้ในระยะเวลา 6 เดือน
ขณะที่ “อุ ป.ประมุข” ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ป.ประมุข ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนว่า “ผมพร้อมรับฟังบัวขาวทุกอย่าง ไม่ว่าจะขอยกเลิกสัญญา ขอย้ายค่าย หรือจะกลับมาอยู่ค่ายตามเดิม ขอเพียงแค่ให้มาคุยกันก่อน เรื่องนี้เปรียบเหมือนเรื่องภายในครอบครัว ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากันได้ ก่อนหน้านี้อยู่กันมาเป็นครอบครัวเป็นพี่น้องกันโดยตลอด ผมและบัวขาวไม่มีปัญหาส่วนตัวระหว่างกัน แต่ที่เป็นปัญหาในตอนนี้ก็เพราะมีคนเพียงคนเดียวที่เข้ามายุแหย่และชักจูง บัวขาว ให้ออกจากค่าย ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ บัวขาว ก็บอกแค่ว่าอยู่แล้วอึดอัด แต่ไม่ได้บอกว่ามาจากเรื่องค่าตัวหรือเงินๆ ทองๆ ผมอยากบอกว่าพี่คนนี้ยังรักน้องเหมือนเดิม ถ้าน้องเข้าใจผิดก็อยากให้มาปรับความเข้าใจกัน พี่คนนี้ยินดีให้อภัยน้องเสมอ”
ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของ ค่ายป.ประมุข ขู่ว่าเตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่สามซึ่งคอยยุแหย่ให้ บัวขาว ตัดสินใจแตกหักกับค่าย ขณะที่ สกล สรรณพงษ์ รองผู้ว่า กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ กล่าวว่า “เรื่องนี้จะหาบทสรุปได้ต้องฟังจากปากของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนี้ บัวขาว ยังไม่มาให้ข้อมูลใดๆ แม้ว่าจะยื่นหนังสือชี้แจงกับ กกท. จ.สุรินทร์ ก็ตาม โดยหลังจากนี้อาจจะเดินทางไปหา บัวขาว เอง ส่วนฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการกีฬามวย กกท. แนะนำให้ บัวขาว ถอนเรื่องการขอยกเลิกสัญญากับค่าย ป.ประมุข ออกไปก่อน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้เจรจาไกล่เกลี่ยกันเอง